เข้าสู่ระบบสมาชิก
สถิติสารสนเทศ
วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรมหาวิหาร
1 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี วรวิหาร
2 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี สามัญ
9 วัด
วัดราษฎร์
1455 วัด
สำนักสงฆ์
83 วัด
ที่พักสงฆ์
72 วัด
วัดร้าง
2 วัด
วัดทั้งหมด
1624 วัด
 
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
8346 รูป
สามเณร
302 รูป
แม่ชี
89 รูป
ศิษย์วัด
33 คน
บุคคลทั่วไปชาย
39 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
52 คน
ทั้งหมด
8861 รูป/คน
 
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
40 รูป
สามเณร
25 รูป
แม่ชี
1 รูป
ศิษย์วัด
3 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
69 รูป/คน
 
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
7194 รูป
ลาสิกขา
34 รูป
มรณภาพ
10 รูป
 

สาระธรรม

เรื่องความกตัญญูกตเวทิตากถา

รายละเอียด

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา

บัดนี้จะได้แสดงพรธรรมเทศนา พรรณนาศาสนธรรม คำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ว่าด้วยความกตัญญูกตเวทิตากถา----------

วันนี้เป็นวันที่ ญาติพี่น้อง ลูกหลานได้มาประชุมกัน ณ สถานที่นี้ เพื่อที่จะแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อบุรพชน ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว มีบิดามารดาเป็นต้น โดยมาระลึกถึงคุณของท่านที่ได้ทำไว้แก่ตนว่า ท่านได้ให้สิ่งนี้แก่เรา ท่านได้ทำสิ่งนี้ไว้ให้แก่เรา ท่านผู้นี้เป็นญาติ

ท่านผู้นี้เป็นมิตร ท่านผู้นี้เป็นสหายของเรา แล้วทำบุญอุทิศให้แก่ท่าน ได้ชื่อว่าได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างสมบูรณ์

วันนี้จะได้พรรณนาถึงคุณของคุณพ่อคุณแม่ให้ท่านทั้งหลายได้ทราบเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ ถ้าจะถามว่าในโลกนี้มีใครที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ถ้าจะเรียงตามลำดับผู้ที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดก็คือ แม่ - พ่อ - ลูก - สามี -ภรรยา - ญาติ - มิตร เพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาพูดกันถึงคนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดคือพ่อ-แม่ เรามาพูดกันถึงคุณธรรมของ พ่อ แม่ เรามาศึกษากันถึงคุณของพ่อแม่ ศัพท์ธรรมมีคำร้องเรียกพ่อ-แม่ อยู่ ๔ คำ คือ พ่อ เรียกว่า ชนก บิดา ( ชนก ตาเกิด ) บิดา แปลว่า ผู้เลี้ยงดู หมายถึงผู้ชายที่ได้เลี้ยงลูก แม่ เรียกว่า ชนนี มารดา ( ชนนี ยายเกิด) มารดา หมายถึงผู้หญิงที่ได้เลี้ยงดู

คนที่เป็นพ่อเป็นแม่นั้นมีอยู่ ๓ ชนิด คือ - เป็นชนก ชนนี ด้วย เป็นมารดาบิดาด้วย - เป็นแต่ชนกชนนี แต่ไม่เป็นบิดามารดา - เป็นมารดาบิดา แต่ไม่ใช่ชนกชนนี

น้ำใจแม่ พ่อแม่นั้นเมื่อหวังจะได้บุตร ก็พยายามที่จะได้บุตรที่ดี ในบทกลอนต่อไปนี้ เป็นบทกลอนสอนใจให้เราคิดถึงพ่อแม่ หรือหัวอกของแม่ ไม่ว่าบุตรนั้นจะเกิดกับตนหรือไม่ก็ตาม ก็มีความคิดนึกเหมือน ๆ กัน ดังคำกลอนที่ว่า

เมื่อมารดาหวังบุตรสุดประเสริฐ ให้มาเกิดในครรภ์ทันประสงค์

ย่อมบวงสรวงเทวฤทธิ์จิตจำนง ขอให้ส่งเทพเจ้ามาเข้าครรภ์

แม่ทราบชัดบัดนี้มีครรภ์ จิตผ่องแผ้วปรีด์เปรมเกษมสันต์

บำรุงกายให้สดชื่นทุกคืนวัน ถนอมขวัญบุตรในท้องประคองมา

ครั้นใกล้วันครรภ์แก่แม่จะคลอด เที่ยวพร่ำพรอดไต่ถามยามหรรษา

กับผู้รู้ครูเฒ่าเจ้าตำรา บุตรเกิดมาวันใดฤกษ์ไหนดี

เมื่อรู้ความตามท่านอาจารย์บอก จิตไม่กลอกตั้งตรงอยู่คงที่

ภาวนาทุกคืนชื่นอินทรีย์ ขอให้มีบุตรตามยามเวลา

น้ำจิตแม่มุ่งหวังตั้งในบุตร ที่สูงสุดด้วยอำนาจวาสนา

ทั้งรูปโฉมโนมพรรณและจรรยา เลิศปัญญากตัญญูรู้คุณคน

มีศีลธรรมดำรงวงศ์สกุล บริบูรณ์สินทรัพย์ไม่อับผล

นี้ความคิดของแม่แท้ทุกคน ที่หวังผลในลูกปลูกอารมณ์

เมื่อลูกคลอดปลอดภัยใจเป็นสุข ลืมความทุกข์เฝ้าจูบลูบเผ้าผม

แสนอิ่มอาบปราบปลื้มให้ดื่มนม ประคองชมยั่วยวนชวนพาที

ลูกร้องให้กายสั่นจิตหวั่นไหว เป็นห่วงใยจอมขวัญไม่หันหนี

ธุระอื่นหมื่นแสนแม้นจะมี แม่ยินดีละทิ้งวิ่งประคอง

ประโลมลูบจูบกอดให้ชอมชื่น ให้เริงรื่นเสื่อมคลายวายเศร้าหมอง

เมื่อลูกโตวิ่งได้ดังหมายปอง แม่ก็ต้องระวังอยู่ทั้งวัน

กลัวลมแดดแผดต้องละอองเปื้อน คอยตักเตือนปลอบปลุกให้สุขสันต์

เพราะห่วงใยในลูกจิตผูกพัน ทุกคืนวันแม่ไม่ลืมปลื้มอารมณ์

ครั้นโตใหญ่ศึกษาหาความรู้ เป็นเครื่องชูประดับกายให้สวยสม

อันวิชาพาให้ผ่องล่องลอยลม ดังคำคมปราชญ์ว่า วิชาชาญ

อยู่หรือไปดีสิ้นถิ่นมนุษย์ อุดมสุดเลิศค่ามหาศาล

ข้อที่แม่มุ่งหวังตั้งปณิธาน ให้ลูกหลานล้ำเลิศประเสริฐคุณ

แม่จึงได้สมัญญาปรากฏชื่อ เพราะนับถือรักบุตรเฝ้าอุดหนุน

โปเสนตี คำนี้บริบูรณ์ อำนาจคุณความดีที่มีมา

แม่รวบรวมทรัพย์สินสิ้นทั้งหมด ตั้งใจจดต่อบุตรสุดหรรษา

ลูกใหญ่โตแม่คำนึงถึงเวลา จึงอุตส่าห์พร่ำสอนสุนทรธรรม

ให้ลูกดีมีจรรยามารยาท จิตสะอาดงามสมแสนคมขำ

ให้ชื่นชมสมถวิลในศีลธรรม จะได้บำรุงตัวไปชั่วกาล เมื่อลูกไปไกลตาเวลาค่ำแม่ก็พร่ำพรอดเพ้อละเมอขาน

พอลูกกลับขยับท่าว่าเดือดดาล มีอาการดังว่าจะฆ่าตี

ไปไหนมาลูกชั่วมัวแต่เล่น เช้าจดเย็นแม่นั่งมองจ้องวิถี

ลูกอะไรไม่ยากได้ตายเสียที ทำท่าทีกริ้วโกรยเสียงโวยวาย

อันความจริงแม่รักใคร่ในสายเลือด ถึงจะเดือดเป็นเปลวก็เร็วหาย

พอลูกอ้อนว่าแม่จ๋าลูกไม่สบาย อย่าโวยวายทำโทษโกรธลูกเลย

ฝังเสียงใสหวั่นไหวใจแม่อ่อน เหมือนทางบอนถูกไฟลนไม่ทนเฉย

เพราะใจปักรักลูกผูกชมเชย จึงเอนเอ๋ยวาจาท่าประโลม

แม่ไม่รู้ขู่ลูกเพราะผูกรัก โอ้บุญหนักอย่าเศร้าเจ้างามโฉม

ทั้งแดนดินถิ่นมนุษย์สุดโพยม ใครจะโทรมแม่ไม่หวั่นเหมือนขวัญใจ

อย่าเศร้าสร้อยน้อยจิตคิดให้ถูก แม่จะปลูกโกรธขึ้งไปถึงไหน

แม่รักเจ้าเฝ้าวอนสอนร่ำไป จงเห็นใจของแม่ที่แท้เอย

มารดาบิดาเป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุตร

มารดาบิดานั้นมีพระคุณมากต่อบุตรธิดาทุกคน ดังที่ท่านกล่าวไว้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาว่า ๑.ท่านปรารถนาจะมีลูก ๒ ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด ๓ ท่านเป็นผู้เลี้ยงดู ๔ ท่านเป็นผู้ชี้โลกนี้ให้แก่ลูก ๕ ท่านเป็นพระพรหมของบุตร ๖ ท่านเป็นบุพพเทพ ๗ ท่านเป็นบุพพาจารย์ ๘ ท่านเป็นอาหุเนยยบุคคล หรือเป็นพระอรหันต์ของลูก

ท่านปรารถนาจะมีลูก คือสามีภรรยาคู่ใดก็ตาม เมื่อแต่งงานอยู่กันกันแล้ว ก็หวังจะมีบุตรธิดา คนใดคนหนึ่งหรือหลายคนตามที่ต้องการ

ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด คุณข้อนี้ทุกคนย่อมเห็นได้ชัดมาก เพราะเราทุกคนเป็นผู้แบ่งภาคออกมาจากพ่อแม่ของตน คือสายเลือด ส่วนหนึ่งมาจากพ่อ สายเลือดส่วนหนึ่งมาจากแม่ ---- ชนก ชนนี ผู้ให้กำเนิด หรือผู้บังเกิดเกล้า

ท่านเป็นผู้เลี้ยงดู คือเมื่อเราได้เกิดมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพ่อ แม่จะต้องเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ จนสามารถเลี้ยงตนได้

ท่านเป็นผู้ชี้โลกนี้ให้แก่ลูก คือเมือเราถือกำเนิดมาในครรภ์ของแม่นั้น ถ้าท่านทั้งสองไม่ชอบใจ ไม่พอใจให้เราเกิดมา ท่านอาจให้แม่กินยาทำลายครรภ์เสียก็ได้ โลกสฺส ทสฺเสนฺตาโร ผู้ชี้โลกนี้

ท่านเป็นพระพรหมของลูก คือพ่อแม่มีคุณธรรมเหมือนกับพระพรหม ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ที่เรียกว่า พรหมวิหารธรรม ซึ่งแปลว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ หรือธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างพระพรหม

ท่านมีเมตตาในลูก น้ำใจของพ่อแม่ย่อมรักลูกด้วยความบริสุทธิ์ เริ่มตั้งแต่ปรารถนาให้มีลูก ดังคำกลอนที่ว่า

อันรักแท้ที่แน่คือแม่ฉัน นอกจากนั้นไม่แน่เปลี่ยนแปรได้

วันนี้รัก รุ่งพลัก รักกระจาย หมดความหมาย ชอกช้ำ อยู่ร่ำไป

โลกมนุษย์ สุดมหา ชลาสิญธุ์ แถมเมฆินทร์ สุดล้า ว่ากว้างใหญ่

พระคุณแม่ เลิศลบ ในภพไตร ทั้งกว้างใหญ่ ยิ่งกว่า เมฆาดิน

พ่อแม่ท่านมีเมตตาต่อลูก เสียงร้องให้ของลูกนั้น ทำให้ใจของพ่อแม่หวั่นไหวขึ้นมา พ่อแม่จะนิ่งอยู่ไม่ได้แล้ว

ยามลูกเศร้า แม่คอย เฝ้าถนอมขวัญทุกคืนวัน ไม่เหินห่าง ไปข้างไหน

ยามลูกทุกข์ แม่คอยปลุก ให้สุขใจ ยามมีภัย แม่หาช่อง คอยป้องกัน

จะหาไหน ใครอื่น สักหมื่นแสน ให้เหมือนแม้น คุณค่า มารดาฉัน

แม่การุญ จุนเจือ ทุกเชื่อวัน คุณอนันต์ ลูกไม่ลืม ปลื้มใจเอย

พ่อแม่มีมุทิตาในลูก พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกมีทรัพย์ เป็นเศรษฐีมหาศาล

ยามลูกได้ ลาภยศ ปรากฏยิ่ง มีทุกสิ่ง สมมาตร ดังปรารถนา

ทั้งทรัพย์สิน โคควาย ทั้งไร่นา เป็นมหา เศรษฐี อันมีนาม

แม่มี มุทิตา อุรารื่น แสนสดชื่น สำราญ ทวารสาม

คือกาย วาจาจิต สนิทงาม ยิ่งมีความ มุทิตา ยิ่งกว่าเดิม

หน้าแฉล้ม แช่มชื่น ระรื่นร่า ส่วนวาจา กล่าวชม นิยมเสริม

ทั้งน้ำจิต คิดตั้ง หวังต่อเติม ให้พูนเพิ่ม โภคา ยิ่งกว่านี้

น้ำจิตแม่ แท้จริง เป็นสิ่งสัตย์ ดุจบรรทัด เที่ยงตรง อยู่คงที่

มุทิตา สนิทแน่ แท้เช่นนี้ จะหามี ผู้ใดเปรียบ มาเทียบเอย

แม่มีอุเบกขาต่อลูก อันความปรารถนาของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด ----------

อันความหวัง ของแม่ ที่แท้นั้น ให้ลูกขวัญ เป็นใหญ่ ดังใจประสงค์

มีอำนาจ วาสนา ยิ่งยืนยง ทรัพย์มั่นคง เหลือหลาย มากมายครัน

มีเกียรติก้อง ลือลั่น เขาสรรเสริญ สุขจำเริญ กายใจ วิไลสรรพ์

ความหวังแม่ ที่สุด ดุจรำพัน ความสุขสันต์ มีเอนก อุเบกข์เอย

พ่อแม่เป็นบุพพเทพของลูก อันท่านที่ได้นามว่าเทพนั้น ย่อมมีคุณธรรมสูง อย่างน้อยต้องมีหิริ-โอตตัปปะ -สมมติเทพ - อุบัติเทพ – วิสุทธิเทพ

แม่รักบุตร สุดสนิท น้ำจิตผ่อง คอยคุ้มครอง กันภัย ให้ไกลห่าง

เพราะน้ำจิต รักใคร่ ไม่จืดจาง เปรียบเหมือนอย่าง อรหันต์ อนันตกุล

ลูกทำผิด จิตแม่ มีแต่เศร้า จึงต้องเฝ้า ช่วยเหลือ คิดเกื้อหนุน

ให้ลูกกลับ ทำชอบ ประกอบบุญ นี้เป็นคุณ ของแม่ ที่แท้เอย

พ่อแม่เป็นบุพพาจารย์ของของลูก นับตั้งแต่ลูกพอจะรู้เดียงสา พ่อแม่เฝ้าแต่สอนให้พูด .....................

อันอาจารย์ ใดใด ในโลกนี้ ถึงหากมี จิตหวัง จะสั่งสอน

ให้ศิษย์มี วิชา ดังอาภรณ์ เป็นแต่ตอน ปัจฉาจารย์ ด้านวิชา

ส่วนมารดา เรียกว่า บุพพาจารย์ เพราะมีการ สั่งสอน ลูกก่อนนา

ให้รู้ชอบ ประกอบมั่น ทางปัญญา สิ่งนานา แม่ได้สอน มาก่อนเอย

พ่อแม่เป็นมิตรที่ดีของลูก มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร แม่เป็นมิตรในเรือนของตน หมายความว่า พ่อแม่เป็นผู้มีไมตรีจิตต่อลูก ไม่มีมิตรใดยิ่งกว่าแม่ไปได้ เพราะแม่ได้อุปการะลูก ได้ร่วมสุขร่วมทุกข์กับลูก ได้แนะนำสั่งสอนลูก มีความรักในลูกอย่างบริสุทธิ - แม่รักใคร่อย่างบริสุทธิใจ ไม่มีวันจืดจาง

พ่อแม่มีอุปการะแก่ลูก พ่อแม่เลี้ยงดู รักษาลูกด้วยความห่วงใย อย่างชนิดที่เรียกว่า มดมิให้ไต่ไรมิให้ตอม------

พ่อแม่เป็นมิตรร่วมสุขร่วมทุกข์กับลูก เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ควรปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้ผู้อื่นรู้ชื่อว่า ความลับ

อันนที มีปลา ไม่ช้าผุด มวลมนุษย์ ชั่วดี มีนุสนธิ์

คงจะบอก ภายใน ใจของตน ถึงจะทน เก็บไว้ ไม่ได้นาน

พ่อแม่เป็นมิตรแนะประโยชน์ คราวใดที่แม่เห็นลูกประพฤติผิดกฎหมายและศีลธรรม เช่น ค้าของเถื่อน................... ทำตัวเป็นนักเลงข่มขู่ผู้อื่น.....

ลักเล็กขโมยน้อย เป็นต้น หรือทำผิดระเบียบประเพณีอันดีงามของตระกูลที่เคยทำมา พ่อแม่ก็คอยตักเตือนพร่ำสอน ทำอย่างนั้นไม่ดี ลูกของแม่ไม่ควรทำ

พ่อแม่เป็นมิตรมีความรักใคร่ พ่อแม่ได้ทราบว่าคนที่นั่นที่นี้รบรากัน...............

พ่อแม่เป็นผู้ที่ลูกควรเคารพบูชา พ่อแม่เป็นทั้งท้าวมหาพรหมของลูก เป็นพระอรหันต์ของลูก และเป็นมิตรแท้ของลูก จะหาใครที่ไหน ให้มีน้ำใจเสมอเหมือนน้ำใจพ่อแม่ในโลกนี้ยากแท้ ดังนั้น นักปราชญ์จึงพรรณนาคุณของพ่อแม่ ไว้อย่างพิศดารว่า ไม่มีใครจะพรรณนาคุณของพ่อแม่ให้สิ้นสุดลงได้ จะเอาโลกมาทำปากกา จะเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด................... เพราะท่านมีพระคุณต่อลูกอย่างล้นเหลือ รักลูกด้วยน้ำใจอันบริสุทธิจริง ๆ ตั้งแต่ทราบว่าจะมีลูก จนถึงพ่อแม่ได้อำลาลูกไปจากโลก ด้วยน้ำตาอาบแก้ม เพราะอาศัยคิดถึงลูกแต่ผู้เดียว เพื่อรวบรวมคำพรรณนาที่ท่านกล่าวถึงคุณของพ่อแม่ไว้ สรูปว่า

อันพระคุณ ของพ่อแม่ มีแก่บุตร ปราชญ์สมมติ เอาแผ่นดิน สิ้นทั้งผอง

เป็นก้อนหมึก ละเลงลาย ดังหมายปอง ลงในท้อง มหาสมุทร สุดนที

แล้วเอาพระ สุเม รุราช เป็นปากกา เครื่องวาด อักษรศรี

เอาท้องฟ้า เป็นกระดาษ วาดวาที มาเขียนชี้ ชมบุญ คุณมารดา

จนหมดสิ้น ดินฟ้า มหาสมุทร สุเมรุสุด กร่อนพลัด จากหัตถา

สิ้นทุกอย่าง ยังไม่สิ้น คุณมารดา จึงนับว่า ยิ่งใหญ่ ไพศาลเอย

ความหวังของพ่อแม่ พ่อแม่ได้ตั้งความหวังในลูกไว้ว่า

เลี้ยงลูกไว้ หมายว่า คราแก่เฒ่า จะได้เจ้า รับใช้ ไม่หน่ายหนี

ยามเจ็บไข้ ได้ป่วย ช่วยพัดวี ให้เป็นที่ อบอุ่น ไม่วุ่นวาย

ยามล่วงลับ ดับสิ้น ชีวิตสูญ หวังลูกพูน เพิ่มกุศล ส่งผลให้

พระธรรมเทศนา ว่าด้วยคุณบิดามารดา เอวัง ก็มีด้วยประการะฉะนี้   

ผู้แต่ง
โดย พระครูโสภณชยานุศาสน์ วัดโสภาวราราม

โดย : วัดโสภาวราราม

ที่อยู่ : ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

จำนวนเข้าดู : 4144

ปรับปรุงล่าสุด : 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 18:30:50

ข้อมูลเมื่อ : 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 18:27:27

 
 
 
 

สาระธรรม 10 อันดับ

"อยู่สบาย ตายก็เป็นสุข"

โดย วัดประตูสาร

ข้อมูลเมื่อ : 06-04-2567

เปิดดู : 36

ปล่อยวาง

โดย วัดสะแกราย

ข้อมูลเมื่อ : 09-03-2567

เปิดดู : 42

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

โดย วัดท่าทอง

ข้อมูลเมื่อ : 08-03-2567

เปิดดู : 50

ความสุขในโลก

โดย วัดสุวรรณตะไล

ข้อมูลเมื่อ : 07-03-2567

เปิดดู : 33

วันมาฆบูชา

โดย วัดอินทาราม

ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2567

เปิดดู : 37