สื่อมีเดีย
วันเลิกทาส ๑ เมษายน ของทุกปี ประวัติความเป็นมาของวันเลิกทาส
รายละเอียด
การเลิกทาส และ การเลิกไพร่ เป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นการยกเลิกระบบที่คนชั้นสูงตั้งขึ้น เพื่อกดขี่ราษฎรให้ทำงานรับใช้หรือส่งทรัพย์สินให้โดยไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
ประวัติความเป็นมาของวันเลิกทาส
เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ทรงประกาศใช้ "พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔″ และ
"พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๔″
เนื่องจากในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นเมืองไทย
มีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ
เนื่องจากพ่อแม่เป็นทาสแล้ว ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ต้องตกเป็นทาสต่อไป
ทาสนั้นจะต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต
เพราะตามกฎหมายถือว่ายังมีค่าตัวอยู่
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศ
"พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย" เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๗
แก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ โดยให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ
จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ผู้นั้นก็จะเป็นอิสระ
เมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๔๘ ก็ทรงออก "พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔"
ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘
ส่วนทาสประเภทอื่นที่มิใช่ทาสในเรือนเบี้ย ทรงให้ลดค่าตัวเดือนละ ๔ บาท
นับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมีบทบัญญัติป้องกันมิให้คนที่เป็นไทแล้วกลับไปเป็นทาสอีก
และเมื่อทาสจะเปลี่ยนเจ้าเงินใหม่ ห้ามมิให้ขึ้นค่าตัว
การเลิกไพร่
หมอสมิธ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไซแอมรีโพซิตอรี่ ได้เขียนบทความเพื่อตำหนิรัฐบาลสยามอย่างรุนแรง
ด้วยเห็นว่า ในบรรดาประเทศที่มีความเจริญแล้วทั้งหลาย ไม่ว่าจะพระเจ้าแผ่นดินก็ดี เหล่าขุนนางก็ดี
ไม่มีสิทธิ์ที่จะเกณฑ์แรงงานราษฎรที่เสียภาษีอาการโดยไม่ให้อะไรตอบแทน เนื่องจากในสมัยนั้น
คนที่เป็นไพร่เข้ารับราชการโดยที่ไม่ได้รับค่าตอบ ทั้งยังต้องออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่างในระหว่างที่รับราชการ
อาทิ ค่าเดินทาง ค่าอาหารเป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเหล่าคนไทยหนุ่ม มีความคิดอยากให้เลิกขนบไพร่
บางส่วนก็ออกมาแสดงความคัดค้านที่รัฐบาลสักเลกในฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ทำให้การทำนาได้รับความเสียหาย
ขนบไพร่ในสมัยนั้นได้บังคับให้ราฎรที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕ - ๑๖ ปี ไปจนถึง ๗๐ ปี ต้องเข้าทำงานรับใช้
หรือส่งส่วยให้แก่เจ้านายชนชั้นปกครอง โดยแบ่งออกเป็น ไพร่หลวง ไพร่สม และไพร่ส่วย
โดยที่มีกำหนดรับราชการแบบเดือนเว้นเดือน ในสมัยอยุธยาปีละ ๖ เดือน จากนั้นลดลงมาเหลือ
ปีละ ๔ เดือนในสมัยรัชกาลที่ ๑ และเหลือ ๓ เดือนในสมัยรัชกาลที่ ๒ หากใครที่อยากรับราชการก็ต้องจ่าย
ค่าราชการ เดือนละ ๖ บาท จากนั้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
ได้กราบทูลเสนอความคิดเห็นว่า ควรให้ราษฎรเสียค่าราชการจากเดือน เป็นปีละ ๖ บาทเท่าๆ กัน
อีกทั้งให้งดการเกณฑ์แรงชั่วคราว แต่ให้เปลี่ยนเป็นวิธีเกณฑ์จ้างแทน
โดย : วัดสวนหงส์
ที่อยู่ : ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
จำนวนเข้าดู : 1661
ปรับปรุงล่าสุด : 2 เมษายน พ.ศ. 2565 09:15:02
ข้อมูลเมื่อ : 2 เมษายน พ.ศ. 2565 09:15:02
สื่อมีเดีย 10 อันดับ
อตฺตานา โจทยตฺตานํ ปฏิมํเสตมตฺตนา โส อตฺตคุตฺโต สติมา สุขํ ภิกขุ วิหาหิสิฯ
โดย วัดวังสำเภาล่ม
ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2567
เปิดดู : 37
ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้ว ด้วยธรรมนี้ อันเป็นธรรมที่บุคคล
โดย วัดเขาแสงสว่าง
ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2567
เปิดดู : 20