เข้าสู่ระบบสมาชิก
สถิติสารสนเทศ
วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรมหาวิหาร
1 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี วรวิหาร
2 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี สามัญ
9 วัด
วัดราษฎร์
1455 วัด
สำนักสงฆ์
83 วัด
ที่พักสงฆ์
72 วัด
วัดร้าง
2 วัด
วัดทั้งหมด
1624 วัด
 
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
8362 รูป
สามเณร
302 รูป
แม่ชี
89 รูป
ศิษย์วัด
33 คน
บุคคลทั่วไปชาย
39 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
53 คน
ทั้งหมด
8878 รูป/คน
 
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
40 รูป
สามเณร
25 รูป
แม่ชี
1 รูป
ศิษย์วัด
3 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
69 รูป/คน
 
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
7208 รูป
ลาสิกขา
35 รูป
มรณภาพ
10 รูป
 

ปูชนียวัตถุสถาน

พระพุทธสุพรรณมุนีศรีสาสดา (หลวงพ่อขุนด่าน)

รายละเอียด
พ.ศ.๒๕๕๕ พระครูโสภิตสุวรรณาภรณ์ (หลวงพ่อกฤติ ทองทิพย์) เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ได้ดำริจะจัดสร้างอุโบสถขึ้นจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระเถระผู้ใหญ่ในอำเภอ ท่านมีความเห็นว่าให้สร้างติดเขตหลังอนามัยองค์พระ แต่พระครูโสภิตสุวรรณภรณ์ (หลวงพ่อกฤติ ทองทิพย์) ท่านเห็นว่าสร้างตรงนั้นจะต้องตัดต้นไม้จำนวนมากท่านจึงไม่ทำตามคำแนะนำของพระเถระรูปนั้น วันหนึ่งขณะท่านเดินพิจารณาอยู่ท่านก็มองพื้นตรงที่สร้างโบสถ์มหาอุตม์ (ปัจจุบัน)  ซึ่งบริเวณดังกล่าวที่จัดสร้างอุโบสถมหาอุตม์นั้นเป็นที่แปลกมากคือไม่มีต้นไม้ยืนอยู่เลย แม้จะพยายามปลูกเพียงใดก็ตาม (ตายหมด) แต่ก็มีเพียงต้นไม้ ๒ ต้น ที่ขึ้นด้านตะวันตก ทิศละ ๑ ต้น ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน นายช่างสร้างโบสถ์จะขอทำการตัดทิ้งเพราะใกล้ตัวโบสถ์แต่หลวงพ่อได้ห้ามเอาไว้ว่าไม่ให้ตัดเพราะเห็นว่าเป็นต้นไม้เก่าแก่ ณ บริเวณตรงนี้ต่างจากบริเวณที่ใกล้เคียงที่ติดกัน ทางด้านทิศเหนือซึ่งมีต้นไม้หนาแน่นเหมือนนิ้วมือ ท่านจึงคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงดลบันดาลให้สร้างอุโบสถอุตม์ ณ บริเวณตรงนี้เป็นแน่แท้ ต่อมาทางวัดได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอุโบสถมหาอุตม์เมื่อวันอังคารที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๖เวลา ๐๙.๐๙ น.
        ในขณะที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอุโบสถนั้น ในคืนหนึ่งหลวงพ่อท่ารได้นิมิตฝันว่าครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าให้สร้างพระประธานในอุโบสถมหาอุตม์ ต้องเป็นพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง โดย มีพระหัตถ์(มือ) ทั้งสองวางที่พระเพลา(เข่า) และครูบาอาจารย์ท่านยังบอกอีกว่าหลวงพ่อประธานองค์นี้มีพระนามว่า “หลวงพ่อขุนด่าน” จึงทำให้หลวงพ่อท่านกังวลและทุกข์ใจเป็นอย่างมากเพราะท่านยังบอกอีกว่าพระพุทะรูปปางนี้มาก่อรนนเลยในตอนนั้น จึงกลัวจะโดนตำหนิติเตียนในเรื่องการจัดสร้างพระพุทธที่ไม่ถูกต้องตามพระพุทธลักษณ์จนมาวันหนึ่งหลวงพ่อท่านได้ไปประชมคณะสงฆ์ที่อำเภอท่านได้รับการถวายหนังสือ “นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย” จัดทำโดยมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาศพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหลวงพ่อเล่าว่า พอได้เปิดหนังสือเล่มนั้นครั้งแรกเปิดไปหน้าที่ ๕๕ พอดี ภาพที่ปรากฏต่อหน้าสายตาท่านั้น “พระพุทธรูปปางพิจารณาชราธรรม” ซึ่งมีพระหัตถ์(มือ)ทั้งสองที่พระเพลา(เข่า) หลวงพ่อท่านบอกว่าพอเห็นภาพที่ปรากฏต่อหน้าท่านเกิดปิติสุขขนลุกซู่ชูชันทั่วร่างกายน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะว่ามีพระพุทธรูปางเดียวกันอย่างในที่ท่านนิมิตนั้นมีอยู่จริง และหลวงพ่อท่านจึงถวายพระนาม “หลวงพ่อดับทุกข์”
         ต่อมาท่าจึงดำริเกิดโครงการ “เกิดวันแม่ลืมวันพ่อ” ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ เวลา ๑๒ นาฬิกา ๑๒ นาที ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ จึงได้ประกอบพิธีเททองหล่อหลวงพ่อขุนด่านพระประธานในอุโบสถมหาอุตม์ขึ้นซึ่งมีหน้าตัก ๑๒ ศอก หมายถึงวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ความสูง ๑๘ ศอก      (๙ เมตร) จากฐานถึงพระเกตุหมายถึง พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙  ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติ ได้ประกอบพิธีพราหมณ์และพุทธ ได้นิมนต์เจ้าอาวาสในเขตอำเภอด่านช้างทั้งหมด ๑๐๙ รูป นั่งปรกอธิฐานจิต ซึ่งต่อมาทางวัดได้กำหนดงานปิดทองประจำปีหลวงพ่อขุนด่านขึ้น ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ถึง ๒ มกราคม ของทุกปี
        ธรรมจัดสรรหรือเทพบันดาล ขอกล่าวถึงต้นไม้ ๒ ต้น ที่อยู่ภายในบริเวณกำแพงแก้วของอุโบสถมหาอุตม์ด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ได้มาทราบภายหลังว่าเป้นต้นรังคู่ และทรงพิจารณาชราธรรมและได้ทรางตรัสกับพระอานนท์ ว่า
        ดูก่อนอานนท์ บัดนี้เราชราภาพล่วงกาลผ่านวัยจนพระชนมายุลาวงเข้า ๘๐ ปีแล้ว กายของตถาคตทรุดโทรมเสมือนเกวียนชำรุดที่ต้องซ่อม ต้องมัดกระหนาบให้อยู่ด้วยไม้ไผ่ อันมิใช่สัมภาระแห่งเกวียนนั้น ดูก่อนอานนท์ เมื่อใดตถาคตเข้าอนินิตเจโตสมาธิ ตั้งจิตสงบมั่น คือ ไม่ให้มีนิมิตใดๆ เพราะไม่ทำนิมิตทั้งหลายไว้ในใจ ดับเวทนาบางเหล่าเสียและหยุดยั้งอยู่ด้วย อนิมิตสมาธิ เมื่อนั้นหลายแห่งตถาคตย่อมผ่องใสมีความผาสุข สบายตลอดกาย อานนท์...เอย เพราะธรรมคือ นิมิตสมาธินั้นมีความผาสุก ฉะนั้นท่านทั้งหลายจึงมีตนเป็นเกราะ มีธรรมเป็นที่พึ่งทุกอิริยาบถเถิด ในกาลต่อมาพระพุทธองค์ก็อยู่ในพระอริยาบถนอนตะแคงข้างขวาหลับพระเนตร พระเศียรพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้าวงพระเขนย พระบาททั้งสองตั้งสองซ้อนกัน ได้เสด็จดับขันะปรินิพพานใต้ต้นรังคู่นั้น ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ รวมพระชนม์ ๘๐ พรรษา นั้นเอง



 

โดย : วัดดงเสลา

ที่อยู่ : ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

จำนวนเข้าดู : 178

ปรับปรุงล่าสุด : 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 18:11:28

ข้อมูลเมื่อ : 28 มกราคม พ.ศ. 2565 21:10:44

 
 
 
 

ปูชนียวัตถุสถาน 10 อันดับ

พุทธปฏิมา สมเด็จพระปทุมชินราช

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 10-11-2564

เปิดดู : 261

รูปสักการะ พระสีวลี

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 12-02-2565

เปิดดู : 158

พระอุโบสถ

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 10-11-2564

เปิดดู : 269

หอระฆัง เก่า

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 15-05-2567

เปิดดู : 3

ศาลาเก่า ท่าหน้าวัด

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 15-05-2567

เปิดดู : 3

ศาลาการเปรียญ

โดย : วัดบางบอน

ข้อมูลเมื่อ : 15-05-2567

เปิดดู : 2

หลวงพ่อพระนอนไสยยาสน์

โดย : วัดบางยี่หน

ข้อมูลเมื่อ : 01-05-2567

เปิดดู : 17

หลวงพ่อขาว วัดบางยี่หน

โดย : วัดบางยี่หน

ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2565

เปิดดู : 155

หลวงพ่อแดง วัดเกาะวังไทร

โดย : วัดเกาะวังไทร

ข้อมูลเมื่อ : 01-02-2567

เปิดดู : 148