



สาระธรรม
การจะไปพระนิพพานได้อยู่ที่ใจของเรา ปลดวางภาระทั้งปวงได้หรือไม่

รายละเอียด
เมื่อสองวันก่อนเห็นยมทูตมารอ เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า “เอ๊ะ...นี่เราจะตายแล้วนะ” ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า “ถ้ามารอโยม โยมพร้อมที่จะไปหรือยัง ?” เมื่อความรู้สึกนี้เกิดขึ้น ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงด่าลงมาว่า “มัวแต่ห่วงแต่คนอื่นนั้นแหละ ตัวเองจะไปไหนยังไม่รู้เลย..!” จึงนึกขึ้นมาได้ว่า ถ้ากำลังใจเรายังมีอะไรยึดถ่วงแม้แต่นิดเดียว ในจังหวะสุดท้ายของชีวิต อาจจะพลาดจากพระนิพพานได้
ตัวอย่างก็คือหลวงปู่พุฒิ วัดทุ่งแก้ว (วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม) สมณศักดิ์ของท่านก็คือพระราชอุทัยกวี หลวงปู่พุฒิเป็นอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความประพฤติปฏิบัติของท่าน อย่างไรเสียก็ต้องเป็นพระอรหันต์ เข้าพระนิพพานแน่ ๆ แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ หลวงปู่พุฒิท่านนึกขึ้นมาได้ว่า “เอ๊ะ...บัญชีของวัดยังไม่ได้มอบหมายให้ใครดูแลเลย” บัญชีทุกอย่างทำไว้เรียบร้อย แค่คิดว่าไม่ได้มอบให้ใครดูแลแค่นั้น ใจมีห่วงอยู่นิดเดียว แทนที่จะหลุดพ้นไปพระนิพพาน ก็หลุดไปอยู่พรหมชั้นที่ ๑๒ คราวนี้ก็รอไปเถอะ อีกนานเท่าไรก็ไม่รู้กว่าจะเข้าพระนิพพานได้ ?
ดังนั้น..เมื่อมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่อาตมาเจอ ก็คือทันทีที่เห็นยมทูตท่านมายืนจังก้าอยู่ ความรู้สึกแรกก็คือ “เอ๊ะ..เราจะตายแล้ว” ก็แปลว่าใจห่างจากความตาย ไม่ได้คิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ไม่อย่างนั้นความรู้สึกจะไม่เป็นอย่างนั้น ความรู้สึกจะต้องอยู่ในลักษณะพร้อมที่จะตาย แต่นั่นความรู้สึกดันบอกว่า "เอ๊ะ...เราจะตายแล้ว"...
ประการที่สองก็ คือ ไปคิดว่าถ้าเขามารับญาติโยม มีใครพร้อมที่จะไปกันบ้าง ? ถ้ายมทูตมารับนี่ถือว่าโชคดีแล้วนะ เพราะว่าลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้ายมทูตมารับ โอกาสรอดมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะเรามักจะอุทิศส่วนกุศลโดยขอให้พระยายมราชเป็นพยาน อาตมาก็อุตส่าห์ไปกังวลว่าถ้าเขามารับลูกศิษย์แล้วเขาพร้อมหรือยัง ? ต้องเรียกว่าห่วงไม่เข้าเรื่อง แต่จะไม่ห่วงเลยก็ผิดวิสัย เพราะในความที่เคยเป็นผู้นำเขามาหลายชาติ แม้กระทั่งชาตินี้ ก็อดไม่ได้ที่จะไปคิดไปห่วงใย ถ้าตายตอนนั้นก็เรียบร้อยเหมือนกัน คงอีกนานกว่าจะควานหาพระนิพพานเจอ เพราะว่ายอดฝีมือระดับหลวงปู่พุฒิ วัดทุ่งแก้ว อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ท่านยังไปติดอยู่ที่พรหมชั้นที่ ๑๒ แล้วอาตมาเองไม่ได้เก่งอย่างนั้น ดูท่าจะไม่รอดแน่..!
เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ญาติโยมทั้งหลายจะประมาทไม่ได้ เราจะไปคิดว่าเราเจริญกรรมฐานทุกวัน การเจริญกรรมฐานทุกวันไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าเราจะไปพระนิพพานได้ การจะไปพระนิพพานได้อยู่ที่ใจของเราปลดวางภาระทั้งปวงได้หรือไม่ ? เราต้องถามตัวเองว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนี้..เราพร้อมหรือไม่ ? คนที่เรารักมีไหม ? ของที่เรารักมีไหม ? ทรัพย์สมบัติของเรามีไหม ? สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้เราพร้อมจะทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่ ? อาตมารับรองว่าเจ๊งทุกราย เพราะตอนธรรมดาสามารถตอบได้..เพราะรู้ว่าต้องตอบว่าพร้อม แต่เรื่องของการปฏิบัติ ไม่ใช่รู้คำตอบแล้วจะรอด แต่อยู่ที่ใจของเราที่ต้องวางได้จริง ๆ ถ้าใจไม่พร้อมที่จะวาง ทั้งยึด ทั้งเกาะ ทั้งหน่วง ทั้งเหนี่ยว ทั้งดิ้นรนสารพัดเพราะไม่อยากตาย..ก็ไปไม่รอด...
ญาติโยมจะเห็นได้ว่า บรรดาลูกศิษย์สายหลวงปู่หลวงพ่อเป็นจำนวนมาก ก่อนตายทุกข์ทรมานเหลือเกิน สารพัดโรครุมเร้าเข้ามา สารพัดเรื่องรุมเร้าเข้ามา เพราะเราตั้งใจว่าจะไปพระนิพพาน กติกาการไปพระนิพพานคือต้องตัดร่างกายนี้ให้ได้จริง ๆ แต่เราทำไม่ได้ ในเมื่อทำไม่ได้ ความตั้งใจจะไปซึ่งเป็นมโนสัญเจตนา ความมุ่งมั่นของใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นเรายังไม่สามารถที่จะปลดได้ วางได้ แต่อยากจะไปพระนิพพาน ก็ต้องทรมานกันนานหน่อย บางรายทรมานดิ้นร้องโอดโอยดังไป ๓ บ้าน ๘ บ้านเลย อาตมายืนยันว่าถ้าวางได้ก็ไปเร็ว แต่ถ้าวางไม่ได้แล้วอธิษฐานขอให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในปัจจุบันชาตินี้เถิด ก็ทรมานไปเถอะ..!
จงอย่าอธิษฐานแต่ปาก แต่ต้องทำให้ได้อย่างที่อธิษฐานด้วย ต้องหมั่นพิจารณาทุกวัน ๆ ให้เห็นว่าร่างกายของเรานี้เป็นทุกข์จริง ๆ ก้าวเข้าไปหาความเสื่อมสลายทุกเวลา ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์อย่างนี้เราไม่ต้องการอีก ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว ตัดเอาไว้อย่างนี้ คิดเอาไว้อย่างนี้ทุกวัน ถามตัวเองอยู่เสมอว่าพร้อมจะตายหรือยัง ? ตายแล้วจะไปไหน ? ให้ใจของเราตอบจริง ๆ ว่า “พร้อมแล้ว..ตายแล้วเราขอไปพระนิพพาน” อย่าตอบเพราะรู้ว่าคำตอบนี้ถูก แต่ให้ตอบเพราะจิตใจของเราพร้อมที่จะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โดย : วัดท่าขนุน
ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จำนวนเข้าดู : 107
ปรับปรุงล่าสุด : 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 16:03:27
ข้อมูลเมื่อ : 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 15:59:01
สาระธรรม 10 อันดับ
ธรรมดาของร่างกายนี้ มีความตายเป็นปกติ หายใจเข้าไม่หายใจออกเราก็ตายแล้ว
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 04-02-2568
เปิดดู : 17
อานิสงส์ของการสวดพาหุงมหากา (ขจัดอุปสรรคและปัญหาชีวิต) ช่วยให้มีสติปัญญาแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง เสริมพลังใจให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ (เสริมบุญบารมี ส่งผลดีต่อชีวิตในระยะยาว) เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าและชัยชนะของพระองค์ เป็นการสร้างบุญกุศลที่สามารถส่งผลดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดย วัดราษฎร์บำรุง
ข้อมูลเมื่อ : 01-02-2568
เปิดดู : 26
อานิสงส์ของการสวดพาหุงมหากา (ป้องกันภัยอันตรายและอุบัติเหตุ) เป็นเสมือนเกราะคุ้มครองจากอันตรายทั้งปวง เชื่อกันว่าสามารถช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ไม่ดี เช่น อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ หรือการปองร้าย (เสริมโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง) ทำให้ชีวิตพบกับความสำเร็จ ราบรื่น เจริญก้าวหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงาน หรือกำลังเริ่มต้นสิ่งใหม่
โดย วัดราษฎร์บำรุง
ข้อมูลเมื่อ : 01-02-2568
เปิดดู : 20
สวดมนต์ถวายพรพระ มีความหมายในการส่งเสริมศรัทธาและความเคารพในพระพุทธศาสนา การให้พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ประทานสิ่งที่ดีงามแก่ผู้สวดมนต์ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและการเจริญเติบโตทางจิตใจ ในการสวดมนต์ จึงเป็นการขอพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติงาม ให้ช่วยอธิษฐานและส่งเสริมชีวิตของเราท่านทั้งหลายให้มีความสุขสงบ อุดมสมบูรณ์ และปลอดภัยจากสิ่งที่ที่เป็นอกุศลกรรมทั้งปวง
โดย วัดราษฎร์บำรุง
ข้อมูลเมื่อ : 31-01-2568
เปิดดู : 20
เรื่องของการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ต้องบอกว่าเป็นส่วนของมโนมยา สำเร็จด้วยใจ
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 31-01-2568
เปิดดู : 17
พระพุทธเจ้าตรัสว่าการปฏิบัติธรรม ถ้าทำดีทำถูก อย่างเร็ว ๗ วัน อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างช้า ๗ ปี
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 28-01-2568
เปิดดู : 32
การปฏิบัติธรรมก็คือการทวนกระแสโลก ต้องทำแบบจริงจังสม่ำเสมอเท่านั้นถึงจะเกิดผล
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 21-01-2568
เปิดดู : 49