![](images/ico_title.png)
![](images/ico_title.png)
![](images/ico_title.png)
![](images/ico_title.png)
สาระธรรม
ระดับของบารมี
![](files/salatam/npic1_file_68f724491f09d79d17a3fbf79025f8b2.jpg)
รายละเอียด
ญาติโยมทั้งหลายน่าจะทราบแล้วว่าในเรื่องของการสร้างบุญกุศลก็มีทาน มีศีล มีภาวนา เป็นหลัก
คราวนี้ในเรื่องของทานนั้นเป็นบารมีต้น เรื่องของศีลเป็นบารมีกลาง เรื่องของภาวนาเป็นบารมีสูงสุดหรือบารมีตอนปลาย เรื่องพวกนี้ข้ามขั้นไม่ได้ แต่ถ้าสูงกว่าทำของต่ำกว่าได้เป็นปกติ
เพราะฉะนั้น..คนที่ให้ทานได้ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาศีลได้ แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงภาวนา ตะกายไม่ถึงแน่นอน ส่วนคนที่รักษาศีลได้ก็ยังภาวนาไม่ได้
ดังนั้น..การที่พวกเรามานั่งอยู่ตรงนี้ได้ แปลว่าเราเป็นบารมีขั้นปลาย หรือที่เรียกว่าปรมัตถบารมี ปรม (ยิ่งกว่า) + อัตถ (การก่อให้เกิดประโยชน์) ก็คือก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อตัวเรา ประโยชน์ที่นี้เขาหมายเอาประโยชน์ใน ๓ สถาน ได้แก่
ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ เห็นผลในชาติปัจจุบัน ก็คือถ้าใจเราสงบเยือกเย็นเราก็จะมีสติ รู้จักยั้งคิด พิจารณาแล้วว่าอะไรไม่ดีเราก็ไม่ทำ ที่เคยทำก็สลัดทิ้งไป พิจารณาว่าอะไรดีถ้าเรายังไม่มีเราก็ทำให้มีขึ้นมา ถ้าหากว่ามีแล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ตรงส่วนนี้เรียกว่าทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ที่เห็นทันตาในปัจจุบัน
ประโยชน์สถานที่สองเรียกว่า สัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์สำหรับชาติต่อ ๆ ไป นี่แปลว่าสิ่งที่เราทำก็คือสมาธิภาวนา..ต้องทรงตัว ถ้ารักษาศีลก็ต้องรักษาได้แน่นอน อย่างชนิดที่ตัวตายไม่ยอมให้ศีลขาด ถ้าอย่างนี้คำว่าสัมปรายิกัตถประโยชน์ ก็คือก่อให้เกิดประโยชน์ในชาติถัด ๆ ไป ก็คือเราจะมีคติ คือที่ไปแน่นอน ว่าจะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ต่อให้อย่างแย่ ๆ ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็เกิดเป็นมนุษย์ชั้นดี
คำว่า มนุษย์ชั้นดี ในที่นี้ก็คือสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ มีจิตใจเป็นกุศลพร้อมที่จะสละออก เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่เห็นผิดเป็นชอบ
ประโยชน์สุดท้ายท่านเรียกว่า ปรมัตถประโยชน์ ประโยชน์สูงสุด ก็คือการล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
คราวนี้ในส่วนทั้งหลายเหล่านี้ สำคัญตรงที่ว่าแม้ว่าเราทั้งหลายจะอยู่ในระดับปรมัตถบารมี คือ กำลังใจสูงสุด แต่ว่ายังมีโอกาสพลาดได้ง่าย เราจึงต้องปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ จนเคยชินเป็นอัตโนมัติ ถึงเวลาไม่ทำไม่ได้ รู้สึกไม่สบายใจ ต้องทำให้ได้ ถ้าในลักษณะอย่างนั้น ท่านทั้งหลายก็จะมีคติที่ไปค่อนข้างแน่นอน
ยกเว้นอย่างเดียวว่าจะมีในส่วนของกรรมที่มาตัดรอน เขาเรียกว่าอุปฆาตกรรม ถ้าเคยทำหนัก ๆ เอาไว้ บางทีก่อนเราตายกรรมตัวนี้โผล่ขึ้นมาตอนนั้น ทำให้ใจของเราผิดจากเป้าหมายไป แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วถ้าเราทำดีไว้จริง ๆ อย่างแย่ที่สุดเราก็ลงไปที่ตำหนักพระยายม แล้วท่านสอบสวนอย่างไรเราก็นึกถึงความดีได้อยู่แล้ว ท่านก็ให้เราไปเสวยบุญ ของพวกนี้ก็แค่แกล้งให้เราเสียเวลาช้าไปนิดหนึ่งเท่านั้น
แต่ถ้าหากว่าคติไม่แน่นอน เพราะว่าเราไม่ได้ทำจริงจังสม่ำเสมอ คราวนี้ก็เสี่ยงมาก โอกาสพลาดมีเยอะ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจะต้องคิดอยู่เสมอว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำกาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ เป็นการประกันอนาคตตัวเอง ใครที่ชอบซื้อประกันให้รีบซื้อ กรมธรรม์นี้ รับประกันว่าก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อ ๆ ไป และเกิดประโยชน์สูงสุดก็คือ ถ้าทำได้ก็เข้าสู่พระนิพพานไปเลย
ปกิณกธรรมก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9808
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โดย : วัดท่าขนุน
ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จำนวนเข้าดู : 125
ปรับปรุงล่าสุด : 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 15:32:06
ข้อมูลเมื่อ : 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 15:32:06
สาระธรรม 10 อันดับ
มนุษย์ทุกคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้นั้น ย่อมประสบทั้งความสุขและความทุกข์สลับกันไปภายในจิตใจของตน
ข้อมูลเมื่อ : 21-07-2567
เปิดดู : 18
เรื่องของการบรรลุธรรมต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 18-07-2567
เปิดดู : 17
มรรคแปดที่ย่อเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางตรงที่สุดแล้ว
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 18-06-2567
เปิดดู : 70