ประวัติวัดวังตะเคียน
“ประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๗” หลวงพ่อช่อ ศรีสมุทรไพร ได้ธุดงค์ผ่านมาถึงหมู่บ้านและได้เห็นความที่เป็นธรรมชาติป่าไม้มีคุ้งน้ำลักษณะเป็นวังน้ำวนมีต้นตะเคียนใหญ่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำหลวงพ่อช่อจึงอธิฐานปักกรดเพื่อปฏิบัติธรรม ต่อมาชาวบ้านเห็นความสำคัญให้ความเคารพนับถือที่ดีต่อหลวงพ่อช่อจึงขอนิมนต์ให้อยู่จำพรรษาเป็นเนื้อนาบุญให้กับชาวบ้านเนื่องจากทางชุมชนยังไม่มีสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาจะทำบุญก็ต้องเดินทางข้ามแม่น้ำเพื่อไปทำบุญอีกวัด หลวงพ่อช่อจึงรับนิมนต์อยู่และมีดำริร่วมกับชาวบ้านสร้างที่พักสงฆ์ขึ้นบริเวณนี้และต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างกุฏิเพื่อให้หลวงพ่อช่อได้อยู่จำพรรษาปฏิบัติธรรมและเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำบุญของชาวบ้าน ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๐ได้เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่และบริเวณที่ตั้งสำนักสงฆ์นั้นเกิดน้ำท่วมทุกปีและบริเวณที่ตั้งวัดก็คับแคบ หลงพ่อช่อจึงประชุมชาวบ้านเพื่อหาที่ตั้งวัดใหม่ โดยมีนายเฮี้ยน วีรเสนีย์ เป็นผู้ถวายที่ดินมีเนื้อที่ ๑๒ ไร่เศษ พร้อมดำเนินการขอสร้างวัดโดยมีหลวงพ่อช่อเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๑ หลังจากนั้นวัดวังตะเคียนก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
วัดวังตะเคียนตั้งอยู่ที่บ้านวังตะเคียน เลขที่ .....หมู่ที่ ๕ ตำบลวังเย็น อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายมีที่ดินตั้งวัด ๓๒ ไร่ ๙๘ ตารางวา มีที่ธรณีสงฆ์ ๒ แปลงเนื้อที่ ๔๖ ไร่๑งาน ๖๑ ตารางวา ตั้งอยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลวังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ด้านหลังโรงเรียนหนองกลางพง
วัดวังตะเคียนตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ มีเขตวิสุงคามสีมากว้าง  ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร เดิมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยบริเวณนั้นเป็นคุ้งน้ำลักษณะเป็นวังน้ำวน มีต้นตะเคียนใหญ่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำชาวบ้านจึงเรียก “วัดวังตะเคียน” เดิมวัดวังตะเคียนตั้งอยู่ในเขตปกครองของ หมู่ที่ ๖ ตำบลจระเข้เผือก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ต่อมาทางราชการได้ตั้งตำบลใหม่เป็นตำบลวังเย็น วัดวังตะเคียน จึงขึ้นอยู่กับหมู่ที่ ๕ ตำบลวังเย็นจนถึงปัจจุบัน
อาณาเขต
ทิศเหนือ            จดเขตภูเขา
ทิศใต้                จดโรงเรียนบ้านวังตะเคียน
ทิศตะวันออก     จดเขตภูเขา
ทิศตะวันตก       จดเขตภูเขา
การบริหารการปกครอง

1. พระอธิการช่อ ศรีสมุทรไพร           เจ้าอาวาสรูปที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๔๙๗-๒๕๐๕
2. พระมหาสุวรรณ                          เจ้าอาวาสรูปที่ ๒ ปี พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๖
3. พระอธิการเซี่ยงเลี้ยง คุณวุฑฺโฒ   เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ปี พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๘
4. พระครูปลัดสง่า ปริมุตฺโม             เจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ปี พ.ศ.๒๕๐๙-๒๕๑๗
5. พระครูโสภณกาญจนวัฒน์           เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ ปี พ.ศ.๒๕๑๘-๒๕๓๕
6. พระปลัดวิชัย นิติโก                     เจ้าอาวาสรูปที่ ๖ ปี พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕......
7. พระครูอัคควรกาญจน์                 เจ้าอาวาสรูปที่ ๗ ปี พ.ศ.๒๕......-ปัจจุบัน

1. ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๒๘ เมตร      สร้างเมื่อปี  พ.ศ.๒๕๐๙   
2. อุโบสถ                          กว้าง   ๗ เมตร ยาว ๑๔  เมตร      สร้างเมื่อปี  พ.ศ.๒๕๒๐
3. หอสวดมนต์มีกุฏิสงฆ์ ๘ ห้องตรงกลางเป็นหอฉัน    กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๑ เมตร      

1. ศาลาบำเพ็ญกุศล เมรุ     กว้าง.... เมตร ยาว ....... เมตร      สร้างเมื่อปี  พ.ศ.
2. หอระฆัง                        กว้าง.....เมตร ยาว ..... เมตร        สร้างเมื่อปี  พ.ศ.
3. โรงครัว                          กว้าง.....เมตร ยาว.....  เมตร        สร้างเมื่อปี  พ.ศ.
4. โรงทาน                         กว้าง.....เมตร ยาว.......เมตร        สร้างเมื่อปี  พ.ศ.

1. พระประธานในอุโบสถ                  ปาง..................ขนาด ๖๙”     สร้างเมื่อปี  พ.ศ.๒๕๒๙
2. พระประธานศาลาการเปรียญ       ปาง...................ขนาด ๔๙”    สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓
3. พระพุทธรูปปูนปั้น                       ปาง...................ขนาด ๑๐๙”  สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖
4. พระพุทธรูปปูนปั้น                       ปาง...................ขนาด  ๓๙”   สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖
5. พระพุทธรูปปูนปั้นประจำวัน ๙ องค์

1. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม            เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖
2. ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด                เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖