ข้อมูลทั่วไป
QR Code บ้านทอง(ท่าล้อ)
รหัสวัด
02710604002
ชื่อวัด
บ้านทอง(ท่าล้อ)
นิกาย
มหานิกาย
ประเภทวัด
วัดราษฎร์
วันตั้งวัด
-
วันรับวิสุงคามสีมา
-
ที่อยู่
-
เลขที่
-
หมู่ที่
1
ซอย
-
ถนน
-
แขวง / ตำบล
ท่าล้อ
เขต / อำเภอ
ท่าม่วง
จังหวัด
กาญจนบุรี
ไปรษณีย์
71000
เนื้อที่
- ไร่ - งาน - ตารางวา
จำนวนเข้าดู : 457
ปรับปรุงล่าสุด : 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 12:58:10
ข้อมูลเมื่อ : 28 กันยายน พ.ศ. 2564 14:46:36
ประวัติความเป็นมา
วัดบ้านทอง ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ ชาวบ้านเรียกว่า วัดท่าล้อ ชื่อเดิมของวัด คือ วัดสุวรรณาราม และวัดท่าล้อ ความเป็นมาของวัดตามที่เล่าสืบๆกันมาว่า เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งแรก มีครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่งได้หนีภัยจากข้าศึกมาพร้อมด้วยชาวบ้านจํานวนหนึ่ง หัวหน้าชื่อ พระยาสรร บุตรชายชื่อหลวงสรรพสิทธิ์ ได้อพยพมาทางทิศตะวันตกสู่เมืองกาญจน์ฯ มาพบแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งปัจจุบันนี้เป็นทุ่งนาของชาว ท่าล้อ บังเอิญเป็นหน้าแล้ง พาหนะ เช่น เกวียนที่บรรทุกทองและของต่างๆ พากันข้ามมาได้ พอขึ้นจากน้ำได้แล้วพากันเดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณใกล้ๆ ที่ตั้งวัดท่าล้อในปัจจุบันนี้ บังเอิญที่ดินบางแห่งเป็นโคลน (คือเป็นหลุม เป็นบ่อไม่เท่ากัน) ทําให้วัวที่เทียมเกวียนพลัดตกลงไปขาหัก เพลาเกวียนหักลงจึงเดินทางต่อไปไม่ได้ และพระยาสรรหัวหน้าเห็นว่าพื้นที่ของภูมิประเทศสวยงามเป็นลักษณะที่ดี จึงได้ตั้งหลัก ปักฐานอยู่ที่นี่ และในบรรดาพวกที่มานั้นมีพระภิกษุมาด้วย นามว่าพระแสง ได้นําชาวบ้าน ก่อตั้งที่พักสงฆ์ขึ้นชื่อว่า สํานักสงฆ์ท่ากระทุ่ม เพราะใกล้ๆ ที่ตั้งที่พักสงฆ์มีต้นกระทุ่มอยู่ ต่อมาก็มีเจ้าอาวาสปกครองต่อๆ กันมา มีพระเม่น, พระเผือก, พระห้อย เป็นต้น จนมาถึง พ.ศ. ๒๓๙๕ มีพระภิกษุหมีมาเป็นเจ้าอาวาส ตอนนี้วัดมีชื่อว่า “วัดท่าทอง” จนถึง พ.ศ. ๒๔๐๑ จึงขออนุญาตให้ตั้งเป็นวัด และเห็นว่าชาวบ้านมีมากและฐานะดี จึงขอให้ตั้งชื่อว่าวัดบ้านทอง พอได้รับอนุญาต ปี ๒๔๑๐ จึงได้เริ่มสร้างอุโบสถ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ เมื่อพระปลัดหมีมรณภาพ มีพระครูเภามาสร้างต่อจนเสร็จ พระครูเภาได้ปกครองและก่อสร้าง อุโบสถจนสําเร็จ และก่อสร้างกุฏิศาลาขึ้นใหม่อีก จนได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครู และเป็น เจ้าคณะแขวงวังขนาย และท่านได้ก่อตั้งกุฏิเพิ่มขึ้นอีก ๓ หลัง มุงด้วยจาก และหอฉันอีก ๑ หลัง มุงด้วยจาก ได้ปกครองดูแลมาประมาณ ๑๐ ปี จึงมรณภาพไปประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๐ ชาวบ้านได้ไปนิมนต์มีพระครูอุ่น อินฺทรํสี มาจากวัดกลางบางแก้ว ซึ่งมีผู้อาราธนามาเป็นสมภาร ท่านได้บูรณะก่อสร้างกุฏิขึ้นอีก ๓ หลัง มุงกระเบื้อง ๒ หลัง มุงจาก ๑ หลัง ได้ก่อสร้าง เพิ่มเติมศาลาการเปรียญพื้นปูกระเบื้อง และมุงกระเบื้อง ท่านได้บูรณะกุฏิเก่าที่ชํารุดทรุดโทรม ให้ดีขึ้น ๑ หลัง ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูประทวน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ และท่านได้เป็น พระกรรมวาจานุสา- วนาจารย์ และปกครองดูแลวัดนี้เป็นเวลาถึง ๔๐ ปี จึงได้มรณภาพ เมื่อ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ต่อมามีพระอธิการศิริ เปล่งวิทยา ได้มาอยู่และได้รักษาการแทน เจ้าอาวาสอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงได้ลาออก ต่อจากนั้นจึงมีพระบรรทม กิตฺติสาโรจาก วัดศรีโลหะราษฎร์บํารุง ได้มารักษาการแทน และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตําบลสิงห์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ และเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ เลื่อนเป็นชั้นโท เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ ทั้งวัดนี้ก็ได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในจังหวัดกาญจนบุรี ประจําปี พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๘ อีกด้วย ท่านดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสจนถึง พ.ศ. ๒๕๓๖ จึงย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีโลหะราษฎร์บํารุง จากนั้นพระมหาอัมพร สุเมโธ ได้เข้าปกครองดูแลวัด และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสจนถึง ปัจจุบัน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๐ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๑๙ เมตร
รายการพระ
พระครูสมุห์จิระพงษ์ ญาณุตฺตโม
ตำแหน่ง : เจ้าอาวาส
ข้อมูลเมื่อ : 27-10-2564
ปรับปรุงล่าสุด : 01-03-2565