วัดพร้าว  จากหลักฐานการสร้างวัดพร้าว  ตามที่ทำเนียบคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรีขึ้นทะเบียนไว้ลำดับที่  179  จากข้อมูลในยุคสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  3  พระองค์ทรงสนพระทัยในการสร้างวัดวาอารามทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา  ให้สำรวจวัดวาอารามทั่วราชอาณาจักร  พร้อมกับขึ้นทะเบียนไว้ทุกจังหวัด  เมื่อ  พ.ศ.  2374  -  2375  เนื่องด้วยประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองและว่างศึกสงคราม
         วัดพร้าว  สร้างขึ้นเมื่อ  พ.ศ.  2240  ในเนื้อที่ดิน  จำนวน  32  ไร่  2  งาน  บนเนื้อที่ริมฝั่งขวา  ส่วนที่โค้งของแม่น้ำท่าจีนด้านทิศตะวันตก  หมู่บ้านโพพระ  ตำบลโพพระ  อำเภอเมืองสุพรรณบุรี  จังหวัดสุพรรณบุรี  อยู่ห่างจากที่ตั้งตัวจังหวัดสุพรรณบุรี  ไปทางทิศเหนือ  7 - 8  กิโลเมตร  บริเวณวัดมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นรกครึ้มเป็นที่วิเวก  เหมาะแก่การเจริญสมถกัมมัฏฐาน  วิปัสสนากัมมัฏฐาน  เป็นอย่างดี  มีบ้านเรือนของประชาชน  อยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำท่าจีน  การภิกขาจารสำหรับพระภิกษุสามเณร  ไม่ขัดสนนัก
         วัดพร้าวมีชื่อเรียกอยู่  3  ชื่อ  ชื่อแรก  " วัดโพพระ "  เอาที่อยู่ในท้องถิ่นมาตั้งเป็นชื่อของวัด  คงเพื่อประสง่ค์ให้ประชาชนชาวโพพระ  ได้ช่วยกันจรรโลงทำนุบำรุงให้สมกับเป็นวัดของชาวโพพระ
         ชื่อที่  2  ต่อมาเรียกกันว่า  " วัดแก้วพร้าว "  เป็นยุคสมัยที่หลวงพ่อแก้วเป็นเจ้าอาวาส  
         ชื่อที่  3  เรียกว่า  " วัดพร้าว "  จนถึงปัจจุบัน  คงเนื่องด้วยสมัยนั้นวัดพร้าว  มีต้นมะพร้าวปลูกอยู่รอบสระหอไตร  มีมากต้น  และประกอบกัน  เรียกว่า  '' วัดพร้าว "  ซึ่งเรียกง่าย  จำง่าย
         การขอพระราชทานวิสุงคามสีมา  กำหนดเขตเป็นของสงฆ์  จะทำสังฆกรรม  ( อุโบสถ )  คงเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ  มีคหบดีชาวโพพระไม่ปรากฏชื่อ  ( ตรงกับยุคสมัยรัชกาล  สมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ  พระมหากษัตริย์องค์ที่  29  แห่งกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย )  อุโบสถที่สร้างตอนนั้นไม่ใหญ่โตนัก  พอเป็นที่ให้พระภิกษุสงฆ์ทำสังฆกรรมได้
        วัดพร้าว  ตั้งแต่แรกเริ่ม  สร้างเป็นสำนักสงฆ์ พ.ศ.  2440  ถึง  พ.ศ.  2330  เป็นวัดผ่านมา  90  กว่าปี  ไม่ปรากฏหลักฐานจะมาอ้างอิงได้ว่ามีสมภารเจ้าวัด  พระครู  พระอุปัชฌาย์จารย์  ผ่านมากี่รูปกี่องค์
        หลักฐานที่จะนำมากล่าวได้ในตอนนี้  คือ  

1. หลวงพ่อม่วง  หรือหลวงปู่ม่วง  พ.ศ.  2330  -  2372
2. หลวงพ่อแก้ว  พ.ศ.  2372  -  2440
3. หลวงพ่อปลื้ม  พ.ศ.  2440  -  2470
4. หลวงพ่อพระครูสังฆภาณโสภณ  ( เซ้ง )  พ.ศ.  2471  -  2505
5. พระครูสังฆรักษ์  เชื้อ  ( เป็นฐานานุกรม  ของ  พระราชสุพรรณาภร์ )  พ.ศ.  2506  -  2519

• มีพระวิหารคู่  มีมณฑปขนาดเล็กสถาปัตยกรรมทรงแบบพม่าประดิษย์ฐานรอยฝ่าพระพุทธบาท
• พระมณฑปหลังใหญ่สูงจากฐานถึงยอด  15  วา  ทรงบน  5  ชั้น
• เสาอัดใบลานของเก่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย
• เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวแม่ไก่  เพาะพันธุ์ลูกหลานจำนวนหลายแสน
• หน้าวัดด้านตะวันออกมีวังมัจฉานานาชนิดจำนวนมาก
• ทุกปีจัดงานปิดทองรอยพระพุทธบาท  และพระพุทธรูปปางต่าง  ๆ  ครบ  7  ปาง  ตรงกับขึ้น  8  ค่ำ  9  ค่ำ  เดือน  5  และ   8  ค่ำ  9  ค่ำ  เดือน  12
• ศาลาบูรพาจารย์  ประดิษย์ฐานพระประจำวันทรงเครื่อง   อดีตบูรพาจารย์หลวงพ่อ

Google Map Link
กดดู