วัดหนองบัวทอง ตั้งวัดเมื่อวันที่ 18 เดือนกันยายน พ.ศ.2511 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองบัวทอง หมู่ที่ 8 ตำบลกระเสียว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 37 ไร่ อาคารเสนาสนะประกอบด้วย กุฏิสงฆ์ 11 หลัง อาคารไม้ 9 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 1 หลัง ปูชนียวัตถุมีพระประธานประจำอุโบสถ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2522 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 25 เมตร ยาว 50 เมตร ( กว้าง ๗.๒๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร ตัวอุโบสถ ) การบริหารและปกครอง มีเจ้าอาวาสที่ทราบนาม คือ พระอ่ำ พระทวี พระไพ่ พระกมล พระทวีป พระยอด พระลำดวล พระครูธรรมสารรักษา พ.ศ.2517- พ.ศ.2542 พระครูวิกรมปริยัติยากร พ.ศ.2542-ปัจจุบัน และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์เปิดสอนเมื่อ พ.ศ.2526.    
                 ข้อมูลปัจจุบัน วัดหนองบัวทองสร้างข้ึนเมื่อใดไม่ชัดเจน ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ พระครูสุวรรณวุฒาจารย์(หลวงพ่อมุ่ย)เจ้าอาวาสวัดดอนไรเจ้าคณะตำบลหนองสะเดาในสมัยนั้นเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ได้มอบหมายให้นาย จุน มาลัยทอง เป็นผู้จัดตั้งสำนักสงฆ์ ได้นิมนต์พระภิกษุสามเณรมาอยู่จำพรรษา โดยมีพระภิกษุอ่ำ เขมงฺกโร  เป็นหัวหน้า มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูป ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ ได้รับการยกฐานะมาเป็นวัดโดยสมบูรณ์ ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ ๓ ประจำปี ๒๕๒๒ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๒๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๒๒   กองพุทธศาสนสถาน กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๒  
                        ในที่ปัจจุบัน เดิมตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนกับที่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๖ ในที่ดินของ นายผล นางแม้น ละวรรณวงษ์ และกำนันไน เกิดสมบุญ จำนวน ๖ ไร่ ๒ งาน อุทิศให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ในปีนี้มีพระภิกษุทวี ปทุมธมฺโม เป็นหัวหน้า มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา ๘ รูป จากนั้นใด้พระภิกษุไพ่ ธมฺมวโร เป็นหัวหน้า ได้รับการประกาศทางคณะสงฆ์ยกฐานะข้ึนเป็นวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฏมหาเถรสมาคมในปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ มีผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสดังนี้ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระภิกษุกมล อินฺทโชโต ปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ มีพระภิกษุทวีป ชยธมฺโม มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา ๘ รูป เช้าบ้านเริ่มการก่อสร้างศาลาการเปรียญ ขนาด กว้าง ๗ วา ยาว ๑๔ วาให้เป็นที่บำเพ็ญบุญกุศลของชาวบ้าน ปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ พระภิกษุยวด ชพงฺกโร มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา ๕ รูป ปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ พระภิกษุลำดวน อจรธมฺโม มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา ๕ รูป ออกพรรษาแล้ววัดเกือบร้าง เพราะไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำเป็นนิจ ชาวบ้านที่ทำบุญที่วัดทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้พร้อมใจกันไปกราบอาราธนาพระครูปลัดโสภณ ณฏฺฐโสภโณ จากวัดนาคกลาง กรุงเทพฯมาเป็นเจ้าอาวาส ได้เริ่มจัดสร้างเสนาสนะต่างๆ เช่น กุฏิทรงไทยโบราณหลังคามุงกระเบื้อง จำนวน ๙ หลัง สร้างต่อเติมศาลาการเปรียญที่ค้างอยู่จนแล้วเส็จไปด้วยดี สร้างห้องนำ ห้องสุขา เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซื้อที่ดินขยายอาณาเขตของวัดจำนวน ๖ ไร่ พร้อมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเพื่อพระภิกษุสามเณรได้เล่าเรียนหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย.    ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ เริ่มก่อสร้างรากฐานให้กับวัดหนองบัวทอง ด้วยการสร้างอุโบสถ และดำเนินการขอวิสุงคามสีมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๒ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาหลังจากอุโบสถสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ดำเนินการให้มีพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตในปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ปีนี้น้ำมากเป็นพิเศษท่วมวัดบ้านถนนหนทาง)   ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ พระครูธรรมสารรักษา ได้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบรรหารแจ่มใส และเจ้าคณะอำเภอด่านช้าง ปัจจุบัน (พุทธศักราช ๒๕๖๕ ) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ทางคณะสงฆ์อำเภอสามชุกโดยมี  
พระครูวิบูลกิตติวัฒน์    ปัจจุบัน ( พุทธศักราช ๒๕๖๕ ) พระมงคลกิตติวิบูลย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี จึงตั้งให้พระมหาแดง สนฺตวํโส รองเจ้าอาวาส ข้ึนเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวทองสืบต่อไป 
     บันทึกในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ สิ่งก่อสร้างและเสนาสนะต่างๆ ของวัดหนองบัวทอง ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ บูรณะศาลาการเปรียญหลังเก่า ลักษณะทรงไทยมุงกระเบื้องเคลือบ มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันติดกระจกลงรักปิดทอง กว้าง ๑๓.๘๐ เมตร ยาว ๓๓.๑๐ เมตร ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ สร้างหอกลองหอระฆัง ลักษณะทรงไทยมีช่อฟ้าใบระกา มุงกระเบื้องเคลือบหน้าบันติดกระจกลงรักปิดทอง กว้าง ๒ เมตร ยาว ๒ เมตร
ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ บูรณะกุฏิสงฆ์จำนวน ๔ หลัง ลักษณะทรงไทยมุงกระเบื้องเคลือบฝาไม้สักเฟี้ยมพื้นปูด้วยไม้แข็ง กว้าง ๓.๘๐ เมตร ยาว ๔.๔๐ เมตร. ปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ - ๒๕๔๓ บูรณะ กุฏิสงฆ์จำนวน ๔ หลัง ลักษณะทรงไทยมุงกระเบื้องเคลือบฝาไม้สักเฟื้ยมพื้นไม้เนี้อแข็ง ใต้ถุนโล่งมีห้องน้ำห้องส้วมในตัว กว้าง ๕.๘๐ เมตร ยาว ๗.๕๐ เมตร ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ให้ช่างเขียนภาพพุทธประวัติภายในอุโบสถ จำนวน ๒๒ ภาพ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ - ๒๕๔๓  สร้างศาลาทรงไทย มีช่อฟ้าใบระกา กว้าง ๓.๖๐ เมตร ยาว ๖.๓๐ เมตร จำนวน ๕ หลัง  เสนาสนะที่จำปีพ.ศ.ไม่ชัดเจน ศาลาเมรุ ลักษณะ ทรงไทย มีช่อฟ้า ใบระกา มุงกระเบื้องเคลือบ หน้าบันปูนปั้นติดกระจก สัญญลักษณ์สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ ) กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๓๓ เมตร หอสวดมนต์ ทรงไทย ฝาไม้สักเฟี้ยม มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันปูนปั้นติดกระจก กว้าง ๙.๒๑ เมตร ยาว ๑๓.๓๐ เมตร  กุฏิหลังเล็ก ใต้ตะวันออก กว้าง ๓.๕๐ เมตร ยาว ๔ เมตร