ข้อมูลทั่วไป
QR Code วัดดอนมะกอก
รหัสวัด
02730208004
ชื่อวัด
วัดดอนมะกอก
นิกาย
มหานิกาย
ประเภทวัด
วัดราษฎร์
วันตั้งวัด
วันที่ 24 เดือน ธันวาคม ปี 500
วันรับวิสุงคามสีมา
-
ที่อยู่
-
เลขที่
99
หมู่ที่
5
ซอย
-
ถนน
-
แขวง / ตำบล
ดอนข่อย
เขต / อำเภอ
กำแพงแสน
จังหวัด
นครปฐม
ไปรษณีย์
73140
เนื้อที่
6 ไร่ - งาน - ตารางวา
Line
0624605445
มือถือ
0624605445
อีเมล์
donmakok69@gmail.com
จำนวนเข้าดู : 511
ปรับปรุงล่าสุด : 30 มกราคม พ.ศ. 2565 16:24:29
ข้อมูลเมื่อ : 29 กันยายน พ.ศ. 2564 11:35:27
ประวัติความเป็นมา
ประวัติวัดดอนมะกอกที่ตั้งวัดปัจจุบัน
วัดดอนมะกอก เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ทะเบียนวัดเลขที่ ๙๙ หมู่ที่ ๕ ตำบลดอนข่อย
อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ของวัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ๒๕ ไร่โดยประมาณ มีอาณาเขตโดยรอบดังนี้
ทิศเหนือ จรดที่นาของ นายประเสริฐ
ทิศตะวันออก จรดที่สาธารณะ ( ครองเจริญสุข )
ทิศใต้ จรดที่สาธารณะ
ทิศตะวันตก จรดที่
ความเป็นมาของวัด
แต่เดิมเป็นป่าช้าที่ชาวบ้านหลายหมู่กันไว้ใช้ร่วมกัน เป็นป่าทึบมีที่เตียนอยู่ชายคลองประมาณ ๒ ไร่ ซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์ที่ปล่อยทิ้งรกร้างไว้โดยมิได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควร
ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ มีพระจากวัดดอนเตาอิฐ ๑ รูปจะมาขอปฏิบัติธรรมซึ่งพิจารณาเห็นว่าเป็นที่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม และเป็นที่พักสงฆ์ได้ จึงได้มาปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านคือ นายบุญ วงโคคุ้ม ต่อมาผู้ใหญ่บุญจึงได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านในเรื่องนี้ ซึ่งชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และชาวบ้านก็ได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์ สละสิ่งของสร้างศาลาขึ้นมา ๑ หลัง ด้านหลังทำเป็นห้องสำหรับพระจำวัด ซึ่งพรรษานั้นมีพระมาจำพรรษา ๓ รูป พระที่ได้มาจำพรรษาร่วมกับชาวบ้านที่ว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา ก็จะมาช่วยกันพัฒนาถากถางป่าที่รกชัฏเหลือไว้แต่ต้นไม้ใหญ่
ลักษณะพื้นที่ทั่วไป
ลักษณะพื้นที่ของวัดเป็นที่ปานกลางไม่ลุ่มไม่ดอน ห่างหมู่บ้านประมาณ๘๐๐ เมตร ไม่ไกลมากนักชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาข้าว และเลี้ยงกุ้ง
ยุคที่มีการก่อสร้างเริ่มแรก
ปี พ.ศ.๒๕๓๘ สร้างศาลาหลังเล็ก
ปี พ.ศ.๒๕๔๑ สร้างกุฏิ ๓ ห้อง ๒ ชั้น ได้ใช้งบประมาณไป ๒๐๐,๐๐๐ กว่าบาท
ปี พ.ศ.๒๕๔๔ เริ่มสร้างศาลาการเปรียญ
ปี พ.ศ.๒๕๔๕ เริ่มสร้างเมรุ
ปี พ.ศ.๒๕๔๘ สร้างศาลาเมรุ
การพัฒนาวัดอย่างต่อเนื่องโดยลำดับ
เรื่องราวต่อจากประวัติของวัดในข้างต้น ประมาณ ๒ ปีต่อมาผู้สูงอายุ และ ชาวบ้านได้เห็นดีสมควรที่จะต้องทำพิธี ล้างป่าช้าจึงไปหาหมอมาทำพิธี พอทำพิธีเสร็จเรียบร้อยพระอาจารย์พล ผู้ที่มาร่วมบุกเบิกจึงคุยกับชาวบ้านให้ช่วยกันแล้วแต่กำลังศรัทธา จัดสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้น ๑ หลังด้วยวงเงินประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาทเศษสามห้อง ๒ ชั้นประมาณ ๒ ปีจึงแล้วเสร็จ ต่อมาก็เริ่มสร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลังโครงสร้างทำด้วยปูนเสริมเหล็กยกพื้นประมาณ ๑ เมตรโดยยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธามาช่วยชี้แนะให้มีการสร้างเมรุ จึงได้ไปปรึกษาท่าน พระครูวิมลญาณวัฒน์( หลวงพ่อเสมียน ) เจ้าคณะตำบลสามง่ามพร้อมชาวบ้านพูดคุยกันจึงเห็นสมควรให้สร้างเมรุไปพร้อมกับศาลาการเปรียญโดยมีท่าน พระครูวิมลญาณวัฒน์ ( หลวงพ่อเสมียน ) เจ้าคณะตำบลสามง่ามเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยชาวบ้านพอเมรุสร้างเสร็จจนใช้การได้ท่านอาจารย์เสมียน จึงได้นิมนต์ พระครูประยุตนวการ (หลวงปู่แย้ม) วัดสามง่ามมาทำพิธีเปิดเพื่อเป็นการฉลอง ต่อมาจึงมีการสร้างศาลาเมรุเพิ่มขึ้นอีก ๑ หลังโดยมีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในละแวกนั้นช่วยกันบริจาคปัจจัยเพื่อที่จะสร้างศาลาเมรุจึงแล้วเสร็จมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยวงเงินประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาก็ได้ต่อเติมศาลาการเปรียญหลังใหญ่ให้แล้วเสร็จ แต่ก่อนพระสงฆ์ที่มาจำพรรษาอยู่ต้องอาศัยน้ำคลองเพื่อเป็นที่สงฆ์น้ำ ต่อมากำนัน และ อบต.เห็นว่าเป็นการไม่สะดวกแก่พระสงฆ์ จึงของบประมาณทางราชการทำการเจาะบ่อน้ำบาดาล และขอไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้นำไฟฟ้าเข้ามาใช้ภายในที่พักสงฆ์ ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ ทางที่พักสงฆ์ได้บอกบุญผู้ที่มีจิตศรัทธาเพื่อจัดซื้อที่ดินทางทิศเหนือเพิ่มอีก ๖ ไร่เพื่อเอาไว้สร้างอุโบสถ
เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๕ พระสงฆ์บางส่วนได้จาริกไปที่อื่นบางส่วนก็ลาสิขาไปจึงไม่มีพระผู้นำที่จะพัฒนาวัดต่อ ชาวบ้านเห็นสมควร ที่จะไปขอพระลูกวัดจากวัดบ่อน้ำจืดมาอยู่ประจำที่พักสงฆ์แห่งนี้จึงไปขอ พระครูอมรบุญญารักษ์ ( อาจารย์รอด ) รองเจ้าคณะอำเภอกำแพงแสนอาจารย์รอดมีเมตตาจึงส่ง พระปลัดเสงี่ยม ญาณสีโล ซึ่งเป็นพระลูกวัดของท่านมาอยู่ประจำ ณที่พักสงฆ์แห่งนี้ชาวบ้านมีความพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพระปลัดเสงี่ยมมาอยู่ก็ได้เป็นผู้นำพาชาวบ้านช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่มเติม และถมดินในพื้นที่ต่ำให้สูงเท่าๆกับพื้นที่ส่วนอื่นๆ และยังถมดินในส่วนที่จะสร้างโบสถ์ขึ้นไปอีก ๑ เมตรเพื่อเตรียมจัดสร้างโบสถ์ต่อไปตามลำดับ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ได้มีประกาศของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ได้ประกาศให้เป็นวัดในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ก็ได้แต่งตั้งให้ พระปลัดเสงี่ยม ญาณสีโล ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสพร้อมประกาศให้ที่พักสงฆ์แห่งนี้ได้เป็นวัดโดยใช้ชื่อว่า วัดดอนมะกอก จนถึงปัจจุบัน
ถาวรวัตถุภายในวัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน
๑. ศาลาการเปรียญ
มีลักษณะเป็นแบบทรงไทยประยุค ภาพโดยรวมจะอยู่ตรงกลางที่ของวัดมีประตู เข้า – ออก อยู่ทางด้านทิศใต้ เป็นประตูกระจกสีดำขอบอลูมิเนียมสองบาน ๑ ทางทิศตะวันตกเป็นบานเล็กอีก๑บานหน้าต่างโดยรอบก็ทำจากกระจกขอบเป็นอลูมิเนียมเหมือนกัน โครสร้างของศาลาทำจากปูนเสริมด้วยเหล็กทั้งหมด
๒. กุฏิ
มีลักษณะเป็นแบบทรงไทยประยุค อยู่ทางด้านทิศใต้ของศาลาการเปรียญโครงสร้างทำจากปูนเสริมด้วยเหล็ก ๒ ชั้นมีทั้งหมด ๖ ห้อง
๓. เมรุ
เมรุเป็นแบบเตาเดียวไม่ใหญ่มากมีทางขึ้น – ลงสามทางโครงสร้างทำจากปูนเสริมด้วยเหล็ก อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของศาลาการเปรียญ
๔. ศาลาเมรุ
ศาลาเมรุอยู่ทางด้านข้างของเมรุ โครงสร้างทำจากปูนเสริมด้วยเหล็กภายในด้านหลังทำเป็นห้องเก็บของด้วย
๕. ห้องครัว
ห้องครัวอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของศาลาการเปรียญ โครงสร้างทำจากปูนเสริมเหล็กด้านหน้าทำเป็นโรงไม้สูงเพื่อเป็นที่ใช้สอยสำหรับพระสงฆ์ และญาติโยมตามแต่เห็นสมควร
ปูชนียวัตถุของวัด
ลำดับรายชื่อท่านเจ้าอาวาสของวัดดอนมะกอก
แต่เดิม พระพล เตชพโลได้เป็นผู้บุกเบิกวัดแห่งนี้ต่อมาได้จาริกกลับวัดต้นสังกัด โดยมี พระกรุง ถาวโร มารับเป็นเจ้าสำนักต่อ พระกรุง ถาวโร ได้เป็นผู้นำชาวบ้านพัฒนาวัดมาได้ประมาณ ๕ – ๖ ปีจึงขอลาสิกขาไปเมื่อต้นปี ๒๕๕๔ จนในปัจจุบันได้ยกขึ้นเป็นวัดเมื่อ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ มี พระปลัดเสงี่ยม ญาณสีโล น.ธ.ชั้นเอก จากวัดบ่อน้ำจืด พรรษา ๑๘ มาดำรงค์ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสโดยได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จนมาถึงปัจจุบันนี้
จัดทำเมื่อ อาทิตย์ ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖
เริ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลังใหม่ พศ.๒๕๕๘ เสร็จ ๒๕๖๑ สิ้นงบประมาณไป ประมาณ 8ล้านบาท
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ เริ่มลงมือก่อสร้างอุโบสถประวัติวัดดอนมะกอก