วัดห้วยม่วง
ที่ตั้งวัดในปัจจุบัน
วัดห้วยม่วงตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๖๕ ถนน บางหลวง - ทะเลบก บ้านห้วยม่วง หมู่ที่ ๑ ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม
พื้นที่ตั้งวัด
มีลักษณะเป็นที่ราบในแนวยาวไปทางด้านตะวันออกและตะวันตก เป็นตั้งของหมู่บ้านระยะทางด้านละ ๑.๕ กิโลเมตร
ส่วนด้านทิศเหนือเป็นถนนสายบางหลวง - ทะเลบกและทุ่งนา ด้านทิศใต้มีหมู่บ้าน ต่อจากหมู่บ้านเป็นทุ่งนา
ที่ธรณีสงฆ์ของวัด
แปลงที่ ๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่ ๒๓ ไร่ งาน ๙๓ ตารางวา มีหนังสือ
แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือโฉนดที่ดินเลข ที่ ๓๘๔๖๕ ( เป็นที่ตั้งวัด )
แปลงที่ ๒ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่ ๑๑ ไร่ ๓ งาน ๘๗ ตารางวา
มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือโฉนดที่ดินเลข ที่ ๕๙๐๓๔
แปลงที่ ๓ ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๑ ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๒๔ ตารางวา มีหนังสือ
แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือโฉนดที่ดินเลข ที่ ๓๘๔๖๖ (เป็นที่ตั้งวัด)
แปลงที่ ๔ ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๑ ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๘๗ ตารางวา มีหนังสือ
แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือ น.ส.๓ ก เลขที่ ๑๐๘๔ (เป็นที่ตั้งวัด)
ความเป็นมาแต่เดิม
วัดห้วยม่วง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๙ โดยที่พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านได้สร้างขึ้นในดงมะม่วงใหญ่ พื้นที่เป็นเนินสูงน้ำท่วม
ไม่ถึง มีลำห้วยใหญ่ไหลผ่าน จึงสันนิษฐานว่าเป็นเหตุให้เรียกชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า ห้วยม่วง และเมื่อตั้งวัดนี้ขึ้นมาจึงใช้ชื่อ “วัดห้วยม่วง”
ตามชื่อหมู่บ้านนั้น ( เนื่องจากวัดแห่งนี้มีอายุกว่าร้อยปี จึงไม่สามารถค้นพบหลักฐานการบริจาคที่ดิน ) พระภิกษุสินรักษาการใน
ตำแหน่งเจ้าอาวาสเป็นเวลา ๑๙ ปี ก็มรณภาพ ( พ.ศ.๒๔๒๘ ) หลังจากนั้นก็มีเจ้าอาวาสรูปอื่นๆมา ดำรงตำแหน่งและพัฒนาวัดเรื่อย
มา จนกระทั่งถึงเจ้าอาวาส รูปปัจจุบัน รวม ๑๐ รูป
ยุคที่มีการก่อสร้างอุโบสถครั้งแรกและครั้งต่อมา
วัดห้วยม่วงได้รับการยกฐานะเป็นวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ อุโบสถหลังแรกเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ โดยพระภิกษุทอง
เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น และมาสร้างเสร็จทำการผูกพัทธสีมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ โดยพระภิกษุแฟง เป็นเจ้าอาวาส
อุโบสถหลังที่สอง เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยมี
จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เป็นอุโบสถทรงไทยสมัยปัจจุบัน สร้างด้วย
คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๓๖ เมตร โดยพระครูพิพัฒน์สังสรรค์ เจ้าอาวาสองค์ที่ ๙ และได้ทำการผูกพัทธสีมา
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗
การพัฒนาวัดที่มีมาโดยลำดับ
พ.ศ. ๒๔๐๙ เริ่มสร้างวัด มีกุฏิสงฆ์ ๔ หลัง
พ.ศ. ๒๔๔๖ ยกฐานะสำนักสงฆ์ห้วยม่วงเป็น วัดห้วยม่วง
พ.ศ. ๒๔๔๖ เริ่มสร้างอุโบสถหลังแรก โดยเจ้าอาวาส ๓ รูป
พ.ศ. ๒๔๖๓ เริ่มสร้างศาลาการเปรียญหลังแรก
พ.ศ. ๒๔๘๔ ย้ายกุฏิเก่าซึ่งทรุดโทรมมากมาสร้างที่ใหม่ ๓ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง
พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ สร้างกุฏิทรงไทย ๑ หลัง
พ.ศ. ๒๕๐๕ สร้างกุฏิสงฆ์ อาคารไม้ชั้นเดียว กว้าง ๙ เมตร ยาว ๕๒ เมตร
พ.ศ. ๒๕๐๗ ขุดบ่อบาดาลและอาคารแท็งก์น้ำใช้ในวัดและต่อเข้าในหมู่บ้าน
สร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดห้วยม่วง ลักษณะอาคารเรือนไม้ชั้นเดียว
พ.ศ. ๒๕๑๐ สร้างสถานีอนามัยห้วยม่วง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๔ เมตร
พ.ศ. ๒๕๑๑ สร้างอุโบสถหลังที่สอง ลักษณะทรงไทยสมัยปัจจุบัน ๑ หลัง
พ.ศ. ๒๕๑๕ สร้างหอระฆังคอนกรีตเสริมเหล็ก แบบจัตุรมุข
พ.ศ. ๒๕๑๖ สร้างศาลาการเปรียญทรงไทยสามมุข ๑ หลัง ลักษณะคอนกรีตเสริมเหล็ก
พ.ศ. ๒๕๒๓ สร้างเมรุ คอนกรีตเสริมเหล็ก
พ.ศ. ๒๕๔๓ สร้างหอสวดมนต์สองชั้น
ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง
๑๕ เมตร ยาว ๒๕ เมตร
พ.ศ. ๒๕๔๓ สร้างกุฏิสงฆ์ ๖ หลัง เป็นอาคาร
ไม้ ๑ หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ ๕ หลัง
พ.ศ. ๒๕๑๐ สร้างศาลาอเนกประสงค์ กว้าง
๑๔ เมตร ยาว ๒๖ เมตร เป็น
อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนให้ความนับถือ
๑. รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี
๒. พระพุทธรูปเชียงแสน อยู่ในวิหาร
๓. พระพุทธชินราช ในอุโบสถ
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
เมื่อ วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๔
ผูกพัทธสีมา
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗
ลำดับรายนามเจ้าอาวาส
รูปที่ ๑. พระอาจารย์สิน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๐๙ ถึง พ.ศ. ๒๔๒๘
รูปที่ ๒. พระอาจารย์ทองอยู่ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๒๘ ถึง พ.ศ. ๒๔๓๕
รูปที่ ๓. พระอาจารย์บุตร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๑
รูปที่ ๔. พระอาจารย์ทอง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๔๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๐
รูปที่ ๕. พระอาจารย์เสาร์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๐ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๐
รูปที่ ๖. พระอาจารย์แฟง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๒
รูปที่ ๗. พระอาจารย์สุ่ม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๖
รูปที่ ๘. พระอาจารย์ผาย กมโล ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๑
รูปที่ ๙. พระครูพิพัฒน์รังสรรค์ ( ผิน ) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๘
รูปที่ ๑๐. พระครูวิสุทธิ์ธีรคุณ ( ธีระ ) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๘ ถึง ปัจจุบัน
ไวยาวัจกร ( ปัจจุบัน )
นายสาคร ดอนจันพิมพ์