วัดหนองเจริญธรรม
ที่ตั้งวัดในปัจจุบัน
วัดหนองเจริญธรรม เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๙๓ หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม พื้นที่ตั้งวัดมีเนื้อ ที่ ๒๓ ไร่ ๑ งาน ๗๙ ตารางวา มีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ จรดที่โรงเรียนการบินทหารอากาศกำแพงแสน
ทิศใต้      จรดทางสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันออก จรดทางสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันตก จรดทางสาธารณประโยชน์
ความเป็นมาแต่เดิม
           วัดหนองเจริญธรรม เป็นป่าไม้เบญจพันธ์ซึ่งที่ดั่งเดิมเป็นหนองไม้ น่าจะได้มาจากชาวบ้านในละแวกนี้เรียกกัน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบนี้
ส่วนใหญ่ให้ใช้พื้นที่บริเวณแถบนี้ทำไร่ ยาสูบ ปลูกฝ้าย
            กาลต่อมา กำนันเพิ่มศักดิ์ วิริยะช่วงโชติ ได้พิจารณาเห็นว่าที่บริเวณนี้เป็นสถานที่เหมาะสมในการสร้างวัดเพื่อให้ประชาชน
ในบริเวณใกล้เคียงสะดวกในการบำเพ็ญกุศล ถือศีล ฟังธรรมตามประเพณี มิฉะนั้นจะต้องไป ประกอบการกุศลในวัดอื่นที่อยู่ห่างไกล
พอสมควรเมื่อพิจารณาเห็นสมควรแล้วพร้อมทั้งได้ถามความต้องการจาก ประชาชนจากแถบถิ่นใกล้สถานที่สร้างวัด ได้รับการสนับสนุน
ด้วยดี จึงได้ช่วยกันสละทรัพย์ปลูกสร้างเป็นที่พักสงฆ์ไว้ก่อน และคณะได้เดินทางไปหาหลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ เพื่อให้ส่งพระภิกษุมาอยู่
และหลวงพ่อได้ส่งพระฉลอง ปภสฺสโร มาอยู่และได้ดำเนินการก่อสร้างที่พักสงฆ์และขอตั้งเป็นสำนักสงฆ์บ้านหนองเขมรเพื่อให้ตรงกับชื่อของหมู่บ้าน
แต่พระฉลอง ปภสฺสโร อยู่เป็นเจ้าสำนักได้ ๓ ปี ก็มรณภาพ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๕๑ กำนันบุญสิทธิ์ สุวรรณชีพ และชาวบ้านได้พบกับ
พระไพฑูรย์ สิริภทฺโท ซึ่งเป็นพระธุดงค์ (ต่อมาได้รับฐานานุกรมเป็นพระครูสมุห์) จึงได้นิมนต์มาอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านหนองเขมร
และได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก ๖ ไร่ ๑ งาน ๗๙ ตารางวา และได้ดำเนินการสร้างกุฏิ หอฉัน ศาลาการเปรียญ หอระฆัง ศาลาธรรมสังเวช และอุโบสถ
            และในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวัด ได้นามว่า “วัดหนองเจริญธรรม”
ลักษณะพื้นที่ทั่วไป
           ลักษณะพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบ เดิมมีป่าไผ่และไม้เบญจพรรณ ปัจจุบันชาวบ้านทำไร่อ้อย และพืชล้มลุกหมุนเวียนสภาพและ
สิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปล้อมรอบไปด้วยไร่อ้อยมีบ้านเรือนอยู่พอประมาณโดยเฉพาะด้านทิศเหนือติดกับพื้นที่ตั้งโรงเรียนการบินทหารอากาศกำแพงแสนเป็นสถานที่ของราชการ
 
ยุคที่มีการก่อสร้างเป็นวัดมีอุโบสถเป็นครั้งแรกและต่อมา
 
         ครั้งได้ช่วยกันหักล้างถางป่ารกต่างๆ ประกอบด้วยพระภิกษุสามเณร และประชาชนพอสมควรในการก่อสร้างวัดแล้ว ซึ่งที่ประกอบศาสนกิจพร้อมที่อยู่อาศัยชั่วคราว
หลังจากได้รับหนังสืออนุญาตให้สร้างวัด พระครูสมุห์ไพฑูรย์ สิริภทฺโท หัวหน้าสงฆ์ในขณะนั้นจึงปรึกษาหารือกับสงฆ์และชาวบ้านในการก่อสร้างอุโบสถ ซึ่งได้รับการเห็นชอบ
และสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่ายจึงได้วางศิลาฤกษ์และเทรากฐานอุโบสถตามแบบแปลนของกรมศิลปากร
การพัฒนาวัดที่มีสืบต่อกันมาโดยลำดับ
          เมื่อพระครูสมุห์ไพฑูรย์ สิริภทฺโท ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้ทำการสร้างหอระฆังและห้องน้ำ ห้องสุขาประจำวัดสร้างโรงครัว
ขอไฟฟ้ามาใช้ภายในวัดสร้างกุฏิ เพิ่มอีกจำนวน ๔ หลัง ปลูกต้นไม้ยืนต้นจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้แนว เพิ่มความร่มรื่นโดยรับความอุปถัมภ์
ความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากพุทธศาสนิกชน ทั้งหลายโดยทั่วไปใกล้ไกลได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ในการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ได้รับความเจริญและสะดวกสบาย มาโดยลำดับ
การพัฒนาวัดในยุคปัจจุบัน
          ปัจจุบันพระครูสมุห์ไพฑูรย์ สิริภทฺโท ได้เอาใจใส่ดูแลรักษาวัดด้วยดีและพัฒนาวัดให้เจริญมาโดยตลอด เช่น ก่อสร้างอุโบสถและอนุรักษ์ของใช้โบราณต่างๆ
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการส่งเสริมการศึกษาทางด้นให้ทุนนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนตลอดจนส่งเสริมการศึกษาด้านนักธรรมและบาลีของพระภิกษุสามเณร โดยเฉพาะ
เพิ่มทุนของวัดและเพิ่มทุนส่วนตัวให้กับโรงเรียนสหศึกษาบาลีเป็นประจำทุกปี
รายนามเจ้าอาวาส
            พระครูสมุห์ไพฑูรย์ สิริภทฺโท ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓ – ปัจจุบัน