ปูชนียวัตถุสถาน
หอวินิจฉัย
รายละเอียด
หอวินิจฉัยเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อครั้งยังมิได้ออกผนวช ทรงได้ช่วยเหลือหงส์ที่ถูกเจ้าชายเทวทัตยิงด้วยลูกศรตกลงมาในเขตเมืองกบิลพัสดุ์ให้พ้นจากความตาย แสดงถึงน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตากรุณาปรานีต่อสัตว์โลก ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนหรือสัตว์เดียรัจฉาน ดังเนื้อความว่า
วันหนึ่งในฤดูร้อน พญาหงส์สีขาวตัวหนึ่งบินนำฝูงผ่านพระอุทยานของพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์บ่ายหน้าไปทางทิศเหนือสู่ถิ่นพำนัก ณ ยอดเขาหิมาลัย ความขาวของฝูงหงส์ ยังความนิยมยินดีให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก แต่สำหรับพระเทวทัตกุมาร มิได้เป็นเช่นนั้น เจ้าชายองค์น้อยนี้ เป็นพาลเหี้ยมโหดมุ่งแต่จะทำลายเป็นที่ตั้ง พอทอดพระเนตรเห็นฝูงหงส์ ก็ยกลูกศรขึ้นพาดสาย น้าวคันธนูจนเต็มแรงยิงออกไปทันที ลูกศรนั้นวิ่งขึ้นไปถูกพญาหงส์สีขาวซึ่งกำลังบินร่อน
ร่าเริงใจอยู่บนอากาศ ถลาตกลงสู่เบื้องล่างทันทีขณะนั้น เจ้าชายสิทธัตถะพระราชโอรสแห่งพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์กำลังทรงสำราญอยู่ในพระอุทยานนั้นด้วย ทรงทอดพระเนตรเห็นพญาหงส์ร่วงตกลงมาในเขตพระอุทยานของพระองค์จึงรีบเสด็จออกไปค้นหา ในที่สุดก็พบหงส์ที่น่าสงสารนั้นกำลังดิ้นรน กระเสือกกระสนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นโดยที่ปีกข้างหนึ่งของมันมีลูกศรเสียบทะลุคาอยู่เจ้าชายสิทธัตถะบังเกิดความเวทนายิ่งนัก ทรงอุ้มหงส์นั้นขึ้นจากพื้น ประคองกอดแต่เบาๆ มิให้หงส์ตื่นตกใจ ทรงชักลูกศรที่เสียบอยู่ที่ปีกนั้นออกแล้วทรงนำใบไม้ที่มีรสเย็นมาปิดบาดแผลเพื่อให้เลือดหยุดไหล พระกุมารนั้นแม้จะมีพระชนมายุเพียง ๘ พระชันษา ยังทรงพระเยาว์นัก แต่พระองค์กลับคิดใคร่ครวญถึงความเจ็บปวดของพญาหงส์ จึงทรงปลอบนกด้วยพระวาจาอ่อนโยนและอุ้มกอดมันไว้กับทรวงอกให้อบอุ่น ทั้งลูบขนปลอบโยนให้คลายความหวาดกลัว เมื่อพระเทวทัตกุมาร ผู้เป็นพระญาติเรียงพี่เรียงน้องของพระสิทธัตถกุมารเสด็จมาพบเข้าก็ทวงคืน ทรงพยายามจะแย่งนกนั้นไปเสียให้ได้โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของนกตัวนั้นเพราะเป็นผู้ยิงมันตกลงมา พระสิทธัตถราชกุมารทรงปฏิเสธที่จะมอบนกให้โดยตรัสว่า “ถ้านกตายมันจึงจะเป็นของ
ผู้ยิง แต่เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ควรจะเป็นของผู้ที่ให้ความช่วยเหลือมัน เรามิเคยมีใจที่จะมอบนกตัวนี้ให้กับใครทั้งสิ้นตราบใดที่มันยังคงบาดเจ็บอยู่”ต่างฝ่ายก็ไม่ยินยอมต่อกัน ในที่สุดเจ้าชายสิทธัตถะจึงเสนอขึ้นว่า “ข้อพิพาทนี้ควรจักต้องนำไปให้บรรดานักปราชญ์ของแผ่นดินพิพากษาตัดสินชี้ขาดในที่ประชุม” ซึ่งเจ้าชายเทวทัตก็เห็นด้วย
ณ ที่ประชุมนักปราชญ์แห่งนครกบิลพัสดุ์ในวันนั้นได้ยกกรณีพิพาทเรื่องหงส์ตัวนี้ขึ้นมาพิจารณา มีการถกเถียงกันเป็นอย่างมาก ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เจ้าชายเทวทัตควรเป็นเจ้าของนกเพราะเป็นผู้ยิงมันตกลงมา แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีความเห็นว่านกควรเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะเพราะเป็นผู้พบมันก่อนและได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้ เมื่อมีผู้แสดงความคิดเห็นแตกแยกขัดแย้งกันดังนี้ การประชุมก็ไม่เป็นที่ยุติลงได้ ในที่สุดมีนักปราชญ์ท่านหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังท่ามกลางที่ประชุมนั้นว่า
“ในโลกนี้ชีวิตเป็นของล้ำค่ายิ่ง ไม่ว่าใครก็ต่างรักและหวงแหนชีวิตตน ผู้ที่ช่วยเหลือสัตว์
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ชีวิต แต่ผู้ที่ทำลายชีวิตสัตว์ให้ดับล่วงไปได้ชื่อว่าเป็นผู้เข่นฆ่า ผู้ใดกรุณาต่อสัตว์ เป็นผู้ช่วยเหลือสัตว์ บุคคลนั้นจึงสมควรเป็นเจ้าของ ดังนั้น ขอให้นกตัวนี้จงเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ที่ช่วยชีวิตมันไว้เถิด” ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นด้วยกับถ้อยคำอันมีเหตุผลเที่ยงธรรมของนักปราชญ์ผู้นั้นจึงตัดสินให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้รับเอาหงส์ซึ่งพระองค์ได้ทรงพยายามช่วยชีวิตนั้นไป จากนั้นพระกุมารทรงเอาพระทัยใส่ดูแลหงส์นั้นอย่างเอื้ออารีที่สุด จนกระทั่งบาดแผลของมันหายสนิท มีกำลังฟื้นคืนดีแล้ว พระองค์จึงทรงปล่อยมันให้บินกลับไปอยู่รวมฝูงกับพวกพ้องของมันในสระกลางป่าลึกด้วยความผาสุกสืบไปการตัดสินคดีความเสร็จสิ้นไปแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะมีความปลาบปลื้มยินดีที่ได้ช่วยเหลือหงส์ที่บาดเจ็บให้พ้นจากความตาย แต่คำตัดสินของบรรดานักปราชญ์เหล่านั้นทำให้เจ้าชายเทวทัตรู้สึกเคียดแค้นชิงชังต่อเจ้าชายสิทธัตถะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดย : วัดไผ่โรงวัว
ที่อยู่ : ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
จำนวนเข้าดู : 148
ปรับปรุงล่าสุด : 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564 08:47:43
ข้อมูลเมื่อ : 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564 08:47:02
ปูชนียวัตถุสถาน 10 อันดับ
พระประธานในโบสถ์ พระพิมลธรรมอภินันทมงคล (หลวงพ่อสำเร็จ)ปางสมาธิ
โดย : วัดหนองแหน
ข้อมูลเมื่อ : 14-06-2566
เปิดดู : 282