ประวัติวัดกระโจมทอง
วัดกระโจมทอง  เลขที่  ๖๙  หมู่ที่  ๕  ตำบลหลักสอง  อำเภอบ้านแพ้ว  จังหวัดสมุทรสาคร  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  สร้างวัดเมื่อ  วันจันทร์  ที่  ๑๐  เดือนเมษายน  พ.ศ. ๒๔๔๒  ตรงกับขึ้น  ๑  ค่ำ  เดือน  ๖  ปีกุน  เดิมชื่อวัดโพธิ์ศรีราษฎร์ศรัทธาธรรม (ที่สำนักสงฆ์)  หมู่ที่ ๔ ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (ต่อมาส่วนราชการแยกเป็นตำบลหลักสอง)  มีที่ดินตั้งวัด  จำนวนเนื้อที่  ๔๓  ไร่  ๑  งาน  ๙๘  ตารางวา  และเมื่อ  พ.ศ. ๒๕๕๘  ได้ซื้อเพิ่มอีก  จำนวน  ๖  ไร่  ๑  งาน  ๘๗  ตารางวา 
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๑  ยาว ๔๔ เมตร  กว้าง ๔๔ เมตร      ผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต  เมื่อวันศุกร์  ที่ ๗ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
วัดกระโจมทอง  ทิศเหนือติดต่อกับที่ดินของเอกชนมีลำคลองเข้าหมู่บ้าน    ทิศใต้ติดกับถนนรถยนต์    ทิศตะวันออกติดต่อกับที่ดินของเอกชน    ทิศตะวันตกติดกับลำคลองเขื่อนขันธ์
ปูชนียวัตถุ  มีพระพุทธรูปปางสุโขทัย  เนื้อโลหะ  สร้างเมื่อ  วันเสาร์  ที่  ๙  เดือนมีนาคม  พ.ศ. ๒๕๐๖  ตรงกับขึ้น  ๑๕  ค่ำ  เดือน  ๔  ปีขาล  ประดิษฐานพระประธานในอุโบสถ 
มีนามว่า  หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์พุทธนิมิตอมรเมธ   
มีพระศรีอริยเมตไตรย์  และมีพระพุทธสิหิงค์  เนื้อโลหะทองสัมฤทธิ์   ประดิษฐานประจำวิหารหลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  วิหารเรือนไทยไม้สัก
ความเป็นมา
นายหรั่ง ไพรสนฑ์ กำนันยิ้ม นางฟัก ธูปทอง  เป็นผู้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด ตั้งชื่อวัดว่า วัดโพธิ์ศรีราษฎร์ศรัทธาธรรม ได้สร้างกุฏิขึ้น ๓ หลัง เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นที่อยู่ของพระภิกษุสงฆ์  โดยมีพระอธิการธูปเป็นเจ้าอาวาสดูแลปกครองเป็นรูปแรก  ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่  ชื่อว่า  วัดกระโจมทอง  มาจนถึงปัจจุบันนี้  สาเหตุที่เปลี่ยนมาเป็นวัดกระโจมทอง  เพราะชาวบ้านแถบติดกับเขตวัด  ได้ทำโรงกระโจมเพื่อทำการนวดข้าว  ยอดโรงกระโจมนั้นเป็นสีทอง ประชาชนในแถบนี้  จึงนิยมเรียกชื่อว่า “วัดโรงกระโจม” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดกระโจมทอง” จนถึงปัจจุบันนี้
พระอธิการธูป  ปกครองดูแลวัดสมัยหนึ่งแล้ว  ต่อมามีพระอธิการปกครองวัดอีก ๒ รูป  คือพระอธิการถึก  และพระอธิการบุญเกิด เป็นลำดับ   ส่วนพระอธิการบุญเกิดนั้นท่านปกครองวัดได้ระยะหนึ่งแล้วย้ายไปจำพรรษาที่วัดดอนขนาก  ทำให้วัดกระโจมทองว่างเจ้าอาวาสลงในขณะนั้น  เจ้าอธิการหงษ์ วัดเจ็ดริ้ว เจ้าคณะตำบลเจ็ดริ้ว  พร้อมด้วยคณะกรรมการของวัดกระโจมทองได้พร้อมใจกันนิมนต์  หลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  จากวัดรางตันนิลประดิษฐ์ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง  หลังจากที่ได้รับเป็นเจ้าอาวาสแล้ว  ได้เริ่มพัฒนาวัดโดยซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายเขตวัด  จำนวน ๑๒ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา (แปลงที่สร้างกุฏิสงฆ์ในปัจจุบัน  โดยใช้ทรัพย์มรดกส่วนตัว)  จัดสร้างเสนาสนะและปรับปรุงให้เป็นระเบียบ  เช่น  ศาลาการเปรียญ  หอสวดมนต์  กุฏิทรงไทย  ๖  หลัง  หอระฆัง  โรงครัว  เปิดโรงเรียนประถมศึกษาวัดกระโจมทอง  และสร้างอาคารเรียน
สำหรับโรงเรียนวัดกระโจมทองนั้น  หลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  ได้ติดต่อราชการเปิดโรงเรียนประถมศึกษาวัดกระโจมทอง พ.ศ. ๒๔๘๒  เป็นครั้งแรก  เพื่อให้ลูกหลานชาวกระโจมทอง
มีที่เรียนหนังสือ  โดยใช้ศาลาการเปรียญของวัด  เป็นสถานที่ทำการเรียนการสอนตลอดมา  เมื่อมีนักเรียนมากขึ้น  จึงได้ซื้อที่ดินเพิ่มขยายเขตวัด  จำนวน  ๑๗  ไร่  ๑  งาน  ๔  ตารางวาเพื่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนประถมศึกษาวัดกระโจมทอง  (แบบ ๐๐๘  อาคารไม้)  พ.ศ. ๒๕๐๘ 
หลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดมา  เมตตา  อนุเคราะห์  ทุกท่านที่มาพึ่งบารมีธรรม  ท่านใดที่ป่วยไข้ด้วยโรคใด ๆ ก็ตาม  ก็จักต้มยาให้กิน  ท่านที่ต้องคุณไสย์คุณกระทำ  เสกเป่า  ถากไม้  ที่ป่วยไข้หายเป็นอัศจรรรย์  จึงเป็นหลักใจของชาวบ้านทั้งใกล้และไกล  ทำให้วัดกระโจมทองเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ   
เมื่อหลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  มรณภาพในวันที่  ๒๘  เดือนมิถุนายน  พ.ศ. ๒๕๑๒  คณะสงฆ์วัดกระโจมทอง  พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน  ผู้เคารพนับถือ  คณะศิษย์ 
และชาวกระโจมทอง  ได้บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายทุกปีตลอดมา  จึงได้มีพิธีอุปสมบทนาคหมู่ถึงปัจจุบัน 
วัดกระโจมทองได้ต่อยอดจากหลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  โดยมีพระครูสาครคุณาธาร  และพระครูพิศาลสาครกิจ  สืบสานต่องานพัฒนาทุกด้านเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับสืบมา 
นามเจ้าอาวาสที่ปกครองวัดตามลำดับ ดังนี้
๑. พระอธิการธูป
๒. พระอธิการถึก
​๓. พระอธิการบุญเกิด  
๔. พระครูสาครสุวรรณคุณ  (หลวงพ่อสาย  สุวณฺณจนฺโท  ศรีอ่อน)  พ.ศ. ๒๔๘๒ - ๒๕๑๒ 
๕. พระครูสาครคุณาธาร  (หลวงพ่อสายหยุด  เหมโก  แย้มบุรี)  ๒๕๑๔ - ปัจจุบัน  

Google Map Link
กดดู