ประวัติ
พระครูโสภณจิตรการ
     สถานะเดิม
                ชื่อ  นายชารี  นามสกุล สอนดี  
                เกิดวันที่  ๑๗ เดือนธันวาคม  พ.ศ. ๒๕๐๔  บิดา  นายแก้ว สอนดี
                มารดา  นางจันทร์  สอนดี ณ บ้านเลขที่ ๕๕ หมู่ที่ ๗ ตำบลบางเลน
              อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม
   บรรพชา     
                วันที่  ๒๔ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
                ณ วัดเกษมสุริยัมนาจ  ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม  
                พระอุปัชฌาย์  พระครูวรเวชวิมล ณ วัดเกาะแรด
                ตำบลบางปลา  อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม                                                
   อุปสมบท
                วันที่  ๒๔ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
                ณ วัดเกษมสุริยัมนาจ  ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม  
                พระอุปัชฌาย์  พระครูวรเวชวิมล ณ วัดดอนยอ
                      ตำบลบางปลา  อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม  
                พระกรรมวาจาจารย์  พระครูวัฒนาประชานุกุล  วัดศรีประชาวัฒนาราม
                      ตำบลบางปลา  อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม
                พระอนุสาวนาจารย์  พระอธิการแผน  ฐิติโก     วัดเกษมสุริยัมนาจ
                     ตำบลบางเลน   อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม
วิทยฐานะ
                พ.ศ. -        สำเร็จการศึกษาชั้น ม.๓  โรงเรียนวัดเกษมสุริยัมนาจ
                                     ตำบลบางเลน  อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม                             
               พ.ศ. ๒๕๓๐   สอบได้ น.ธ.เอก  สังกัดสำนักศาสนศึกษาวัดเกษมสุริยัมนาจ
                                     อำเภอบางเลน  สำนักเรียนคณะจังหวัดนครปฐม
                พ.ศ. ๒๕๕๖   ปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย
                                    
งานการศึกษา
             พ.ศ. ๒๕๒๙      เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม
                                       วันที่ ๑๑  กรกฎาคม  ๒๕๒๙
งานปกครอง
                พ.ศ. ๒๕๔๗   เป็นเจ้าอาวาสวัดเกษมสุริมยัมนาจ   อำเภอบางเลน  จังหวัดนครปฐม
                                      วันที่ ๑  เมษษยน  ๒๕๔๗
วัดเกษมสุริยัมนาจ
          วัดเกษมสุริยมนาจ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๔ หมู่ที่ 6 ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน นครปฐม พื้นที่ที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๓๐ ตารางวา ตามหนังสือในดเลขที่ ๒๔๘๒ มีอาณาเขตดังนี้
          ทิศเหนือ         จรดที่สาธารณะที่ป่า
          ทิศใต้            จรดที่ดินสาธารณะป่าใผ่
          ทิศตะวันออก    จรดถนนสายบางเลน-พญา
          ทิศตะวันตก     จรดแม่น้ำท่าจีน
ความเป็นมาแต่เดิม
          วัดเกษมสุรียัมนาจ เดิมชื่อวัดท่าโนรี ได้มีพระธุดงค์มาปักกลด ชื่อหลวงพ่ออิ่ม ได้ถางป่าและตั้งเป็นสำนักสงฆ์ ชื่อสำนักสงฆ์ ท่าโนรี อยู่มาไม่นานนักหลวงพ่ออิมมรณภาพ หลวงพ่อ เป็นเจ้าอาวาสต่อมา ท่านเป็นคนบางกุ้ง อำเภอบางปลา แขวงนครไชยศรี ได้ ก่อสร้างสำนักงฆ์ขึ้นเป็นวัดชื่อว่า วัดท่าในปี นายอากรเซีย เจ้าหน้าที่เก็บอากรในย่านนี้ มาจอดเรือที่หน้าวัดเพราะชอบใจวัดโนรีหลวงพ่ออ่ำบอกว่าจะสร้างโบถ์ นายอากรจึงรับทำหน้าที่นี้
          การต่อมา อุโบสถก็สร้างเสร็จลุล่วงไปด้วยดี อุโบสถยาว ๑๒ ว่า ๙ นิ้ว กว้าง 8 วา 1 ศอก 6 นิ้ว คุณแม่แม่ได้ให้นายภู กราบบังคมทูลขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ท่านก็ทรงยินดีอนุโมทนาอนุญาต พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2๒ ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑3๒ พระพุทธศาสนกาล ๒4๕๖ หลวงพ่อ จึงได้จัดงานผูกพัทธสีมาปี พ.ศ. ๒4๕๘ หลังจากนั้นพระพานณรงค์ได้ขอชื่อเปลี่ยน ชื่อวัดใหม่มาเป็น “วัดเกษมสุรีย์มนาจ”
ลักษณะพื้นที่ทั่วไป
          เป็นพื้นที่ราบลุ่มมีสิงห์สาราสัตว์มากเพราะเป็นป่าและเป็นสถานที่เลี้ยงวัว เลี้ยงควายของชาวบ้านในครั้งนั้น เพราะพื้นที่เป็นป่า มีหญ้าขึ้นมากมาย ชาวบ้านจึงนำ วัว ควาย มาเลี้ยงเพื่อหาแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ให้ วัว ควาย ได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
ยุคที่มีการก่อสร้างเป็นวัดมีอุโบสถเป็นครั้งแรกและต่อมา
          หลังจากสร้างอุโบสถขึ้นจนผูกพัทธสีมาเรียบร้อย เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดท่าโนมาเป็นวัดเกษม สุริยัฒนาจ หลวงพ่อมรณภาพ ลง หลวงพ่อบ่ายได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้ลาสิขาไปประกอบอาชีพ เจ้าอาวาสจึงว่างลง ชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระมหาอำจากวัด เบญจมบพิตรมาเป็นเจ้าอาวาส พระมหาได้รับพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศเป็น พระครูพรหมศร และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ อำเภอบางปลา (ปัจจุบันคืออำเภอบางแสน) อยู่มาไม่นาน ก็ได้เสีกรกออกไป ต่อมา พระสมุห์เนียมเป็นเจ้าอาวาสไม่ผ่านโมรณภาพ พระลอย ภิรมย์นิม รักษาการแทน ไม่นานก็ลาสิกขาไปรับราชการทหาร (ยศพันโท) ตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงร่วงลง ขุนอนันต์จึงนิมนต์ พระสมุห์จ สำนักวัดปากน้ำภาษีเจริญ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดเกษมฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒48๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอบางเลน อยู่มาไม่ นานท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ที่พระครูจันทสโรภาส และได้เลื่อนขั้นเป็น เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก เมื่อ พ.ศ.๒๕1๐
 
การพัฒนาวัดที่มีสืบต่อกันมาโดยลำดับ
          พระครูจันทสโรภาส ได้ปรับปรุงพัฒนาวัดจนเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านว่า ท่านเป็นคนที่ขยันรักษาความสะอาดได้ดี การพัฒนาวัดของท่านเป็นที่ยอมรับน่ายกย่องเชิดชู จนได้รับพระราชทานเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ จากสมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปรินายก ท่านเป็นผู้เคร่งครัด ในพระวินัย มีผลงานที่น่ายกย่องเชิดชูเป็นอย่างมาก ท่านพัฒนาวัดมาตลอดให้สมกับที่เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในเขต อำเภอบางแสนสมัยนั้น
การพัฒนาวัดในยุคปัจจุบัน
          ในปัจจุบัน ก็พัฒนาปรับปรุงวัดให้มีสภาพคงทนการเรื่อยมา สร้างเสนาสนะขึ้นมาใหม่ สร้างเมรุ สร้างศาลา ฌาปนสถาน และสร้างอุโบสถหลังใหม่ ทางวัดได้ปรับปรุงพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องความสะอาดมาตลอด แม้ในปัจจุบัน ก็เหมือนกัน เพื่อสานตกความดี ของพระครูจันทสโรภาสที่ได้ทำให้วัดได้รับเป็นวัดพัฒนาดีเด่น จึงพัฒนาวัดให้ดูสะอาดตา แต่สาธุชนทั้งหลายที่เข้ามาในวัดต่อไป
ประวัติการสร้างถาวรวัตถุ
1. อุโบสถ
          มีลักษณะรูปทรงเป็นแบบทรงไทย โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่ออิฐถือปูน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็นเงิน ๒1,๑7๕,000 บาท ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ ๓ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ อุโบสถ หลังนี้ มีขนาดกว้าง ๙ คราว ๒3 เมตร
๒. ศาลาการเปรียญ
          มีลักษณะรูปทรงเป็นแบบทรงไทย โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นไม้ ผนังก่ออิฐถือปูน ก่อสร้าง แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓0 เป็นเงิน 3 แสนกว่า ศาลาการเปรียญหลังนี้มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว ๒๓ เมตร
๓. ณาปนสถาน เมรุ และ ศาลาบำเพ็ญกุศลประจำเมรุ และสุสาน
          เมรุเป็นแบบทรงไทย มีระเบียงยาวจากตัวเมรุ 5 วากว่า แล้วทำเป็นทรงไทยยอดแหลม วัตถุประสงค์ ที่จัดสร้างเพื่อให้เป็นที่ บำเพ็ญกุศล มีลักษณะรูปทรงเป็นแบบทรงไทย โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ฝาผนังก่ออิฐถือปูน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕3๒ เป็น ๓,๘8๕,34๙ บาท มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว ๒๐ เมตร
ประวัติปูชนียวัตถุของวัด
๑. พระประธานประจําอุโบสถ
          เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิเพชร มีพระพุทธลักษณะที่สำคัญคือเป็นพระพุทธรูป ที่มี ลักษณะครบทุกประการ พระพักตร์อิม เป็นรูปจำลองพระพุทธชินราช สร้างด้วยโลหะหลม มีขนาดสูง ๑.99 เมตร หน้าตักกว้าง ๕9 นิ้ว ผู้ที่สร้างถวายคือ นายโกมล โกวิทลวากุล  สร้างไว้เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๘
2. อื่น ๆ
          พระคันธาราฐ เป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ซ้ายแม่มือรับพระหัตถ์ขวาทรงขวักมือ ปางนี้เรียกว่า ปางคันธาราฐ
ขุดได้ที่ตำบลดอนข่อย อำเภอกำแพงแสน เป็นหินเขียว สร้างด้วยหินสีเขียวมีขนาดสูง ๒.๒9 เมตร
 
ลำดับรายนามเจ้า
          ความเป็นมาที่เริ่มมีเจ้าอาวาสปกครอง มีมาตั้งแต่หมัยที่หลวงพ่ออ่ำได้สร้างอุโบสถหลังเก่าเป็นครั้งแรก และตั้งชื่อวัดท่าโนรีครั้งแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็น วัดเกษมสุรียัมนาจ ปัจจุบันได้มีพระภิกษุตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดมาแล้วซึ่งพอจะสืบค้นหา และลำดับได้ดังนี้
          1. พระหลวงพ่ออ่ำ วิทยฐานะ น.ธ.โท ดำรงเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี ๒4๕๔ จนถึงปี พ.ศ.๒4๕๙
          2. พระอาจารย์บ่าย
          3. พระมหาฉ่ำ เคยดำรงตำแหน่งทางคณะสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอบางปลา มีสมณศักดิ์ครั้งล่าสุด เป็นพระครูพรหมสรณ์
          4. พระสมุห์เนียม
          5. พระครูจันทสิโรภาส ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. ๒48๐ - 2527
          6. พระอธิการแผน ฉายา ฐิติโก ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ - ๒๕4๕
          7.พระครูโสภณจิตรการ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2546 – ปัจจุบัน
ปูชนียวัตถุของวัด คือ
          1. วิหารแบบทรงไทยจตุรมุข
          2. วิหารแบบทรงไทย
หน่วยงานของทางราชการตั้งอยู่ภายบริเวณของวัด คือ โรงเรียนวัดเกษมสุริยัมนาจ