เข้าสู่ระบบสมาชิก
สถิติสารสนเทศ
วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรมหาวิหาร
1 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี วรวิหาร
2 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี สามัญ
9 วัด
วัดราษฎร์
1455 วัด
สำนักสงฆ์
83 วัด
ที่พักสงฆ์
72 วัด
วัดร้าง
2 วัด
วัดทั้งหมด
1624 วัด
 
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
8344 รูป
สามเณร
302 รูป
แม่ชี
89 รูป
ศิษย์วัด
33 คน
บุคคลทั่วไปชาย
39 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
52 คน
ทั้งหมด
8859 รูป/คน
 
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
40 รูป
สามเณร
25 รูป
แม่ชี
1 รูป
ศิษย์วัด
3 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
69 รูป/คน
 
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
7192 รูป
ลาสิกขา
34 รูป
มรณภาพ
10 รูป
 

สาระธรรม

สุภาษิสอนใจ 7

รายละเอียด
มธุวา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ฯ
บาปยังไม่ให้ผลเพียงใด คนพาลยังเข้าใจว่ามีรสหวานเพียงนั้น ฯ
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๔
บาป คือความชั่ว ความทุจริตทางกายวาจาและใจ เป็นมลทินของกายวาจาและใจ เป็นเหตุเกิดความเดือดร้อน โลภะ ความโลภเป็นเหมือนไฟหน้าหนาว คือถึงจะร้อนอย่างไร ก็มีคนอยากจะเข้าใกล้ โทสะ ความโกรธเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง คือเกิดไวไหม้ไวและดับไว และ โมหะ ความหลงเป็นเหมือนไฟสุมขอน คือติดทนนานติดแล้วดับยาก และคนจะมองไม่ค่อยเห็นเหมือนความโลภะและโทสะ
ความโลภและความหลงเปรียบด้วย รสหวาน ส่วนความโกรธเปรียบด้วย รสเผ็ด โดยปกติคนพาลจะติดอยู่ในรสหวาน เช่น รสของอบายมุขเป็นต้น หารู้ไม่ว่า นั่นคือไฟหน้าหนาวและไฟสุมขอน กล่าวคือทำให้คนอยากจะเข้าหาไฟ และเมื่อเข้าหาแล้วก็จะติดอยู่นาน ตอนแรกก็ดูอุ่นสบายดี แต่หากไม่ระวังไฟจะไหม้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เปรียบเหมือนบาปที่ทำใหม่แล้วยังไม่ให้ผลเผ็ดร้อนที่ชัดเจน คนทำบาปก็ยังคงสนุกสนานกับบาปที่ทำ แต่เมื่อไหร่ที่บาปให้ผล คนพาลจะได้รับผลที่เผ็ดร้อนทุกข์ทรมานทั้งภพนี้และภพหน้า จึงได้ตระหนักรู้ถึงผลที่แท้จริงของบาป
คนชอบถามกันว่า ตายแล้วไปไหน จะมีผู้ตอบว่า ตายแล้วไปสู่ที่ชอบ ฟังดูแล้วเหมือนว่าจะไปเกิดในที่ดีมีสุคติเป็นต้น แต่ความจริงท่านหมายถึง ก่อนตายเขาชอบทำอะไร เป็นความดีหรือความชั่ว ถ้าชอบทำความดีก็จะไปเกิดในสุคติมีสวรรค์เป็นต้น แต่ถ้าชอบทำความชั่วก็จะไปเกิดในทุคติมีนรกเป็นต้น
ในทำนองเดียวกัน ถ้าจะถามตัวเองว่า เราเป็นบัณฑิตหรือเป็นคนพาล ก็จะต้องถามความชอบของตัวเองก่อนว่า เราชอบทำความดีหรือชอบทำความชั่ว นั่นคือคำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด
ตามปกติวิสัยของคนทั่วไปจะนิยมชมชอบการทำความชั่วอยู่แล้ว เพราะถูกอัธยาศัยให้ความสนุก สนานเพลิดเพลินเจริญใจในเบื้องต้นได้ไว ที่เรียกว่า มีรสหวาน และเมื่อทำแล้ว ก็จะเกิดการเสพติดความชั่วอยากจะทำตลอดอีก แต่เมื่อผลที่แท้จริงของความชั่วเผล็ดผลแสดงออกมาเป็นความทุกข์ความเดือดร้อน จึงได้รู้ว่า รสหวานที่ว่า เป็นรสหวานเคลือบยาพิษทำลายชีวิตของตนเอง ส่วนการทำดีต้องบังคับข่มใจให้ทำ อาจเป็นรสขมในเบื้องต้น แต่จะเป็นรสหวานในบั้นปลาย
เพราะฉะนั้น การทำความดีก็คือการระวังใจมิให้ติดอยู่ในรสหวานดังกล่าว และถอนใจออกจากรสหวานคือบาปอกุศลจนหลุดพ้นจากรสหวานอย่างแท้จริง ไม่เข้าสู่วงจรของความชั่วตลอดไป 

ผู้แต่ง
พุทธสุภาษิต

โดย : วัดจำปา

ที่อยู่ : ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

จำนวนเข้าดู : 187

ปรับปรุงล่าสุด : 31 มกราคม พ.ศ. 2565 05:41:10

ข้อมูลเมื่อ : 31 มกราคม พ.ศ. 2565 05:41:10

 
 
 
 

สาระธรรม 10 อันดับ

"อยู่สบาย ตายก็เป็นสุข"

โดย วัดประตูสาร

ข้อมูลเมื่อ : 06-04-2567

เปิดดู : 34

ปล่อยวาง

โดย วัดสะแกราย

ข้อมูลเมื่อ : 09-03-2567

เปิดดู : 40

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

โดย วัดท่าทอง

ข้อมูลเมื่อ : 08-03-2567

เปิดดู : 47

ความสุขในโลก

โดย วัดสุวรรณตะไล

ข้อมูลเมื่อ : 07-03-2567

เปิดดู : 33

วันมาฆบูชา

โดย วัดอินทาราม

ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2567

เปิดดู : 35