



สาระธรรม
ธรรมดาของร่างกายนี้ มีความตายเป็นปกติ หายใจเข้าไม่หายใจออกเราก็ตายแล้ว

รายละเอียด
ธรรมดาของร่างกายนี้ มีความตายเป็นปกติ หายใจเข้าไม่หายใจออกเราก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าเราก็ตายอีกเช่นกัน อรรถกถาจารย์ท่านให้พิจารณาว่า แม้โดยฐานะ บุคคลไม่ว่าจะรวย จะจน จะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เป็นคหบดี เป็นคนเดินดินธรรมดา หรือต่ำต้อยด้อยค่าขนาดเป็นขอทาน ทุกรูปทุกนามก็ต้องตายลงทั้งหมด ก็แปลว่าการดูโดยฐานะไม่มีใครรอดไปได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ทุกรูปทุกนามต้องก้าวไปหาความตายเป็นปกติ
ให้ดูด้วยตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เจ้าพระยามหากษัตริย์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี หรือบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ ต่อให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดไหน ท้ายสุดก็ตาย ก็แปลว่าโดยตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าตั้งแต่ใหญ่สุดเป็นในระดับประธานาธิบดี หรือตลอดจนกระทั่งพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก หรือตำแหน่งเล็กสุดอย่างผู้รับใช้สอยตามหน้าที่ต่าง ๆ ต้องเป็นข้าทาสบริวารเขา ก็ล้วนแล้วแต่ก้าวไปสู่ความตายทั้งสิ้น
อีกประการหนึ่งท่านให้ดูโดยบุญ บุคคลที่สร้างบุญสร้างกุศลมา ไม่ว่าจะเป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ดี พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ตลอดจนถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถที่จะรอดพ้นจากความตายไปได้ ท้ายสุดแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังปรินิพพาน ก็แปลว่าไม่ว่าจะดูโดยสถานะไหนก็ตาม มนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ท้ายสุดก็ก้าวเข้าไปหาความตายทั้งหมด
ชีวิตนี้เป็นของไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นของไม่เที่ยง เราก้าวไปหาความเสื่อมเป็นปกติ เกิดขึ้นมาก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์ของการเกิด ทุกข์ของการแก่ ทุกข์ของการเจ็บ ทุกข์ของการตาย ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของการประสบสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจ ทุกข์ของการปรารถนาไม่สมหวัง
ถ้าเราสามารถพิจารณาจนเห็นความเป็นธรรมดาว่า ทุกคนก้าวเข้าไปหาความตายเป็นปกติ จะช้าจะเร็วก็ต้องสิ้นลมหายใจ ทิ้งสังขารเป็นธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม คืนให้แก่โลกไป ถ้าเห็นแล้วยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ เราก็จะไม่หวั่นไหว ไม่หวาดกลัว หากแต่พยายามทำคติ คือที่ไปของเราให้เที่ยงแท้แน่นอน โดยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โดยตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ที่พระนิพพาน
ที่ตั้งเป้าหมายสูงสุดเอาไว้อย่างนั้น เพราะว่าเราต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ อย่างน้อยเราก็จะได้ไปไกลกว่าคนอื่น ก็แปลว่าท่านทั้งหลายต้องอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นที่ยึดที่เกาะ พยายามสร้างสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้เกิดขึ้นแก่เรา ให้มั่นคง ให้แน่นอน เมื่อเรามีความมั่นคงแน่นอนในคติ คือที่ไปหลังความตายแล้ว เราก็จะไม่หวั่นเกรงความตายไปเอง โดยเฉพาะถ้าใครสามารถทำจิตหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ จักไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดสามารถทำให้ท่านหวั่นไหวไปได้อีกแล้ว
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โดย : วัดท่าขนุน
ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จำนวนเข้าดู : 65
ปรับปรุงล่าสุด : 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 21:08:56
ข้อมูลเมื่อ : 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 21:08:56
สาระธรรม 10 อันดับ
ยันต์เกราะเพชรที่เป่าเข้าไปในตัวกับผ้ายันต์เกราะเพชร
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 15-05-2568
เปิดดู : 29
ยันต์เกราะเพชร เป็นบารมีพระพุทธเจ้าที่ท่านสงเคราะห์
โดย วัดท่าขนุน
ข้อมูลเมื่อ : 27-06-2566
เปิดดู : 247