สาระธรรม
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เมื่อวันที่ ๑๓ ก.ค. ๒๕๖๔
รายละเอียด
วันนี้ได้ทำงานสำคัญ ก็คือพุทธาภิเษกรูปเหมือนลอยองค์ขนาด ๕ นิ้วของพระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้านที่ลูกศิษย์สายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงได้พึ่งพิงบารมีท่านมาอย่างยาวนานมาก
วัตถุมงคลชุดนี้เป็นของที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ก็ต้องบอกว่าสร้างผิดจังหวะไปนิดหนึ่ง ก็คือเกิดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นไปโดยยาก แม้กระทั่งเตรียมพิธีไว้ที่อาศรมฯ แล้ว ก็ยังต้องขนกลับมาเพื่อให้อาตมาเสก เพราะว่าไม่สามารถที่จะเดินทางไปได้ เนื่องจากว่าการเดินทาง ถ้าจะสะดวกก็ต้องไปทางเครื่องบิน ลงจากเครื่องบินเมื่อไร เจ้าหน้าที่ก็จะเชิญไปกักตัวทันที จึงจำเป็นที่จะต้องขนกลับมาให้อาตมาปลุกเสก
วันนี้ตอนที่ทำพิธี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาครู่เดียว แล้วมอบหมายให้สมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้านรับผิดชอบ ก็คือรูปใครก็เสกเอาเอง คราวนี้ตอนที่พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านอยู่องค์เดียว โดยไม่ได้มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคู่เปรียบ ดูแล้วแทบจะหาความต่างกันไม่ได้เลย ก็คือทุกอย่าง ถ้าหากว่าคนทั่ว ๆ ไปคงจะแยกออกได้ยาก แต่ถ้าหากว่าเปรียบกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะเห็นว่าองค์ท่านเล็กกว่ามาก
เมื่อท่านมาถึง ก็สั่งให้ภาวนาพระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษที่มอบให้กับอาตมามาหลายปีแล้ว ๑๐๘ จบด้วยกัน จนกระทั่งพระองค์ท่านตรัสว่า "เต็มสมบูรณ์แล้ว" จึงได้ถอนสมาธิออกมา ก็ร่วม ๆ ๕๐ นาที
พระคาถาเงินล้านที่องค์หลวงพ่อพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมอบให้มา ตอนแรกเป็นแค่พระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ ที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค นำมาบอกกล่าวกับลูกศิษย์ แล้วก็มีผู้ที่เคารพเชื่อถือนำไปใช้งานแล้ว ท่านที่ค้าขายก็เงินทองไหลมาเทมา ท่านที่ทำการเกษตรพืชผลต่าง ๆ ก็ได้ผลดีกว่าที่อื่นเขา
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ใช้มาโดยตลอด แต่พอในระยะหลังท่านเห็นว่าเฉพาะพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์อย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ เมื่อปรารภเรื่องนี้ขึ้น "ท่านย่า" ซึ่งลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงจะทราบดีว่าเป็นผู้ใด ก็ได้กราบทูลขอต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พระองค์ท่านประทานพระคาถาเพิ่มเติมขึ้นมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็นำมาต่อกับพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ แล้วก็ใช้งานมาเรื่อย ได้เพิ่มมาบทหนึ่งก็ต่อเข้าไปครั้งหนึ่ง ได้เพิ่มมาบทหนึ่งก็ต่อเข้าไปครั้งหนึ่ง จนสมบูรณ์เป็นพระคาถาเงินล้านในช่วงปลาย ๆ อายุของท่านนั่นเอง
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ญาติโยมลำบากเดือดร้อนคล้าย ๆ กับยุคนี้ ก็คือทำมาหากินด้วยความยากลำบากมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงจึงขออนุญาตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้มอบคาถาเงินล้านนี้แก่ลูกศิษย์ในสายนำไปใช้งาน เพราะว่าถ้าญาติโยมมีความคล่องตัว ก็จะสามารถสนับสนุนกิจการงานของวัดต่อไปได้
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการอนุญาตแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงนำมาบอกกล่าวกับลูกศิษย์ทั้งหลาย ทุกคนก็ได้ภาวนากันมาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะพระภิกษุวัดท่าซุง มีการภาวนาในช่วงการทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น
ตรงส่วนนี้ต้องขอแจ้งแก่ญาติโยมที่ยังเข้าใจผิดอยู่ว่า พระคาถาเงินล้านที่ท่านทั้งหลายดูจากยูทูบ แล้วมีคำบรรยายว่าเป็นเสียงของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อาตมภาพขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่ใช่ ต้นเสียงพระคาถาเงินล้านที่พวกท่านเข้าใจว่าเป็นเสียงของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น ก็คือท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร หรือว่าหลวงพี่โอของพวกเรานั่นเอง ถ้าหากว่าไม่บอกกล่าวให้ชัดเจนไว้ตรงนี้ ท่านที่เข้าใจผิดก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วท้ายที่สุดก็จะไปหลงคิดว่านั่นคือเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุง
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่เคยบันทึกเสียงเกี่ยวกับพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ หรือว่าพระคาถาเงินล้านไว้อย่างเป็นทางการ นอกจากท่านแทรกเอาไว้ในการตอบปัญหา การเทศน์ หรือว่าบอกกล่าวแก่ญาติโยมเป็นระยะไปเท่านั้น ซึ่งถ้าใครจะไปตัดตรงนั้นออกมาก็จะไม่สะดวก เพราะว่าเป็นการพูด ไม่ใช่การสวด
คราวนี้เมื่อองค์พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมอบพระคาถามาให้แล้ว อาตมภาพเห็นว่า ในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มีลูกศิษย์ที่ปฏิบัติในพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์จนประสบความสำเร็จ ซึ่งใช้คำว่า "ทำขึ้น" เป็นตัวอย่างหลายท่าน อย่างเช่นนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของร้านขายยาตราใบโพธิ์ที่ท่าเตียน จังหวัดพระนครในสมัยนั้น เป็นต้น
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงถึงไม่มีใครเป็นตัวอย่างตรงนี้ได้ ? เมื่ออาตมภาพคิดดังนี้แล้วก็เลยคิดว่า ในเมื่อไม่มีใคร เราก็ทำเสียเอง ก็ได้ภาวนาพระคาถาเงินล้านอย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่ถึง ๓ ปีเศษ ต้องบอกว่านับจนลูกประคำขาดไปนับครั้งไม่ถ้วน แล้วก็ส่งผลให้เป็นอย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้
จนกระทั่งมาอยู่ทองผาภูมิเมื่อประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว ต้องทำการก่อสร้าง ท่านก็เมตตาบอกว่า ถ้าภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละประมาณ ๑ ชั่วโมง จะสร้างโบสถ์สักกี่หลังก็ได้ เมื่อทำตามที่พระองค์ท่านเมตตาบอกกล่าวไว้ งานการก่อสร้างทุกอย่างก็มีความคล่องตัวจริง ๆ ทั้งซ่อมทั้งสร้างวัดไปหลายวัดด้วยกัน ที่สร้างก็คือ สร้างขึ้นมาจากพื้นดินเปล่า ๆ ส่วนที่ซ่อมแซมนั้นก็คือ เขามีของเก่าอยู่ ให้รื้อทิ้งบ้าง บูรณะบ้าง รวมแล้วก็ตกอยู่ ๗ - ๘ วัดด้วยกัน โดยไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องเงิน ไม่มีความสะดุดในตรงจุดนี้เลย
ซึ่งเรื่องนี้ ท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธา อยากจะปฏิบัติในพระคาถาเงินล้าน อาตมภาพขอบอกว่า อย่าใช้คำว่า "สวด" แต่ให้ใช้คำว่า "ภาวนา" ก็คือภาวนาพระคาถาควบกับลมหายใจเข้าออก เหมือนกับเป็นคำภาวนากรรมฐานทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่า จะเป็นคำภาวนาที่ยาวอยู่สักหน่อยเท่านั้น
และที่ขอร้องไว้ก็คือให้ทำวันละ ๑๐๘ จบ เหตุที่ต้องขอเอาไว้มากขนาดนั้น เพราะว่าในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ผลของสมาธิยังมีส่วนอยู่มาก ถ้าหากว่าสมาธิน้อย ผลก็เกิดขึ้นน้อย ถ้าสมาธิมาก ผลก็เกิดขึ้นมาก ที่ให้ภาวนาถึง ๑๐๘ จบ ก็เพื่อว่าท่านทั้งหลายที่มีกำลังสมาธิน้อย อย่างน้อย ๆ ภาวนาไปนานขนาดนั้น อารมณ์สมาธิก็ต้องทรงตัวสูงกว่าปกติอยู่บ้าง
และอีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บุคคลที่ใช้พระคาถาเงินล้านนั้น จะต้องมีการทำบุญให้ทานเป็นปกติ ถ้าเป็นสมัยหลวงปู่ปาน ท่านให้ใส่บาตรทุกวัน แต่ว่าพอมาสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ญาติโยมติดขัดด้วยเรื่องหน้าที่การงาน ใส่บาตรประจำวันไม่ค่อยได้ ท่านก็ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน โดยตั้งใจว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้เป็นค่าภัตตาหารพระ เมื่อภาวนาจบตามที่ต้องการแล้ว ก็นำเงินจำนวนนั้นหยอดกระปุก หรือว่าหยอดบาตรเอาไว้ เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนก็รวบรวมไปถวายพระ
ดังนั้น..ในเรื่องของพระคาถาเงินล้าน ถามว่าทำไมถึงต้องให้ทานเป็นปกติ ? เพราะว่าทานเป็นพื้นฐานของโภคสมบัติทั้งปวง และโดยเฉพาะสิ่งที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกกล่าวก็คือ ในเรื่องของทาน เหมือนกับเราปล่อยให้น้ำไหลออกจากเขื่อน ถ้าหากว่าน้ำเก่าไหลออกไป น้ำใหม่ถึงจะวิ่งเข้ามาทดแทนได้ ถ้าหากว่าไม่ปล่อยให้น้ำเก่าไหลออกไปบ้าง น้ำใหม่ก็ยากนักที่จะเข้ามาได้
และขณะเดียวกันส่วนที่สำคัญอีกอย่างก็คือ เราภาวนา จงอย่าคิดว่าทำเพราะเราต้องการร่ำรวย แต่ให้คิดว่าเราทำถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ทำเป็นการรักษาสมบัติที่หลวงปู่หลวงพ่อท่านให้เราเอามา ส่วนผลจะเกิดขึ้นอย่างไรนั้น เราอย่าได้ไปใส่ใจ มีหน้าที่ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาให้ครบตามที่กำหนดไว้อย่างเดียว
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำเช่นนี้ได้ และทำต่อเนื่องกันได้ ไม่เกิน ๒ เดือน ผลทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้น ผลที่เกิดขึ้นง่าย ๆ อันดับแรกก็คือ เราใช้เงินซื้อของไปเท่าไร ก็มักจะมีเงินเกินจำนวนมาอยู่เสมอ อย่างอาตมภาพเวลานำเงินไปฝากธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารนับ ก็มักจะเกินมาทีหนึ่ง ๓,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ บาท เป็นต้น แล้วก็จะถามแบบที่เรียกว่า สงสัยมากว่าอาตมภาพให้ใครเป็นคนนับเงิน ถึงได้ผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ แบบนี้
อีกส่วนหนึ่งก็คือเวลาฉุกเฉินขึ้นมา จะต้องมีทางที่เงินทองก้อนใหญ่หรือว่าจำนวนที่เราต้องการจะเข้ามาหาเราโดยง่าย ซึ่งตรงจุดนั้นเราก็ต้องเข้าใจว่า เป็นเรื่องของการที่เราเชื่อมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัย ปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของพระ ของพรหม ของเทวดา หรือว่าของครูบาอาจารย์ท่านจะสงเคราะห์ เราภาวนาด้วยความเชื่อมั่นอย่างเดียว ไม่ไปใส่ใจว่าผลนั้นจะเกิดหรือไม่เกิด เงินนั้นจะมาหรือไม่มา
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำอย่างนี้ได้ทุกวัน ภายใน ๒ เดือน โดยเฉพาะช่วงที่เชื้อไว้รัสโควิด ๑๙ อาละวาดอยู่นี้ ท่านก็สามารถที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกเอาไว้ว่า ต่อให้ไม่เคยทำทานบารมีมาก่อน ถ้าตั้งใจภาวนาพระคาถานี้ด้วยความเคารพ ขณะที่คนอื่นจนแต้มทำอะไรไม่ได้ เรายังสามารถที่จะหมุนไปได้
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โดย : วัดท่าขนุน
ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จำนวนเข้าดู : 120
ปรับปรุงล่าสุด : 22 กันยายน พ.ศ. 2566 09:32:24
ข้อมูลเมื่อ : 22 กันยายน พ.ศ. 2566 09:26:05
สาระธรรม 10 อันดับ
ถ้าหากเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ไม่อดหรอก ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ข้อมูลเมื่อ : 03-09-2567
เปิดดู : 71