สาระธรรม
อดทนต่อความยากลำบาก
รายละเอียด
พระอาจารย์เล่าว่า "เคยไปฟังเขาอบรมคนขายประกัน จับพลัดจับผลูได้เข้าไปฟังกับเขาด้วย คนที่ประสบความสำเร็จเขามาบอกเคล็ดลับให้คนที่กำลังเข้าไปทำว่า คุณไปหาลูกค้าคนที่ ๑ พลาด คนที่ ๒ พลาด คนที่ ๓ พลาด คนที่ ๔ พลาด อย่าเพิ่งท้อใจ ให้ทำต่อไป เขาเองไปประสบความสำเร็จกับลูกค้าคนที่ ๘๑ เขาพลาดมา ๘๐ คนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ท้อ
พอคนที่ ๘๑ ยอมเซ็นสัญญาทำกรมธรรม์กับเขา เขาถามลูกค้าคนนั้นว่าตัดสินใจทำเพราะอะไร เมื่อรู้ความต้องการของลูกค้าก็ไปนำเสนอลูกค้าคนต่อไปได้ง่ายขึ้น พอได้ลูกค้าคนต่อไปก็ถามเขาอีกว่าทำเพราะอะไร ต้องการอะไร แล้วก็นำเสนอลูกค้าคนต่อไป ท้ายสุดเขาประสบความสำเร็จ ได้รางวัลไปเที่ยวต่างประเทศจนเบื่อไปเอง ถ้าเขาท้อตั้งแต่ ๒๐ คนแรก หรือ ๕๐ คนแรก เขาจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าที่เขาประสบความสำเร็จคือคนที่ ๘๑
พระพุทธเจ้าตรัสโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา คำแรกเลยคือ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง อันนี้พูดมาแล้วฟังไม่รู้เรื่อง ก็คือ ความอดทนเท่านั้นที่จะหลอมเคี่ยวเรา จนกระทั่งประสบความสำเร็จออกมาเป็นศิลปะวัตถุที่งดงาม เป็นที่ตรึงตราต้องใจของบุคคลทั่วไป ตบะก็คือความร้อนในการเผากิเลส เผาแล้วเปลี่ยนสภาพวัตถุ เผาเพื่อให้เหมาะแก่การใช้งาน ถ้าหากว่าไม่อดทน ประสบความสำเร็จยาก เด็กรุ่นหลังนี่น่ากลัวมาก น่ากลัวที่ว่าขาดความอดทน
อุปสรรคมากมีที่ขัดขวาง.............ต้องถากถางบุกบั่นไม่หวั่นไหว
ถึงทุกข์ยากลำบากสักเพียงใด..........ต้องฝ่าฟันพ้นไปได้สักวัน
ของสิ่งใดการได้มาถ้าลำบาก...........ต้องทุกข์ยากมักมีค่ามหาศาล
ดุจเหล็กกล้าผ่านการทุบชุบเป็นนาน...........จึงตระการเป็นอาวุธสุดแหลมคม
ช่างซามูไรชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้ที่ตีซามูไรอันดับหนึ่งของโลก เล่มหนึ่งไม่แพงเท่าไรหรอก ห้าแสนกว่าบาท...! เขาบอกว่าเหล็กดีต้องทนร้อยหลอมพันทุบได้ ก็แปลว่าผ่านการหลอม ผ่านการเคี่ยวกรำครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านการทุบ ผ่านการขัดมานับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นอาวุธที่งดงาม ใช้งานได้อย่างใจ ใคร ๆ ก็ต้องการ สรุป...คนขี้เกียจไม่ประสบความสำเร็จหรอก ยกเว้นสร้างบุญในชาติก่อน ๆ มามากพอ ซึ่งก็แปลว่าขยันมาในอดีตจนเหลือเฟือแล้ว
เด็กรุ่นใหม่ฉาบฉวยขาดความอดทน ต้องการรวยเร็ว ไม่ได้ดูรุ่นเก่าเป็นตัวอย่าง รุ่นปู่ย่าตาทวดของอาตมา หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเมืองจีน มื้อหน้าจะมีกินหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ค่อย ๆ อดทนทำงาน เก็บหอมรอมริบทีละบาท ทีละสลึง พอได้เงินมาก้อนหนึ่งก็เริ่มลงทุนทำกิจการ เป็นกิจการเล็ก ๆ ขายโอเลี้ยง ขายกาแฟ ขายน้ำเต้าหู้ สะสมเงินขึ้นไป ลงทุนให้ใหญ่ขึ้น เปิดร้านขายของชำ โบราณเขาใช้คำว่า "สู้แค่หน้าตัก" ก็คือมีเท่าไรทำเท่านั้น ผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่เป็นหนี้ใคร แต่สมัยนี้เริ่มต้นด้วยการกู้เงิน พลาดขึ้นมาก็มีหนี้ก้อนโต
ที่น่ากลัวกว่านั้น คือเด็กรุ่นใหม่ไม่พยายามศึกษา ขี้เกียจเรียน พอต่อว่าเข้าก็อ้างว่า "มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก กับ สตีฟ จ็อบส์ ไม่เห็นต้องจบปริญญาเลย ก็รวยเป็นหมื่นล้าน" อาตมาถามคืนไปว่า "แล้วมึงชื่ออะไร ? มึงชื่อสตีฟ จ็อบส์ หรือชื่อมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก สองคนนั่นเป็นแค่สองคนในห้าพันกว่าล้านคนในโลกนี้ แค่เม็ดทรายสองเม็ดในมหาสมุทรเท่านั้น แล้วคิดว่ามึงจะประสบความสำเร็จอย่างเขาใช่ไหม ?" เขาเรียกว่าดูตัวอย่างโดยที่ไม่ได้ดูตัวเองเลย
หลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านบอกเสมอว่า "นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้" เราจะไปบอกว่า แจ็ก หม่า ไม่มีความรู้ได้ไหม ? อย่างน้อยเขาก็จบปริญญา เขาก็เป็นครู แล้วพื้นฐานที่แน่นที่สุดคือภาษาอังกฤษของเขาดี
ส่วนใหญ่แล้วพอถึงเวลา ความขี้เกียจ ฉาบฉวย สมองกลวง ก็ทำให้อ้างคนที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ได้ดูตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่งานเบา เงินดี ซึ่งมักจะหาไม่ได้ ท้ายสุดงานเบาเงินดี ก็ต้องนั่งกินเหล้าจนช็อกตาย..เดือดร้อนจนป่านนี้ยังปิดคดีไม่ได้...! เพราะฉะนั้น...คนรุ่นใหม่ได้โปรดอย่าเลี้ยงลูกให้สบาย สอนลูกให้รู้จักความลำบาก ให้เขารู้ว่าโลกเราโหดร้ายกว่าที่คิด จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆ"
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โดย : วัดท่าขนุน
ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
จำนวนเข้าดู : 97
ปรับปรุงล่าสุด : 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 07:59:25
ข้อมูลเมื่อ : 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 07:59:25
สาระธรรม 10 อันดับ
ผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะอับจน ไม่ควรหมดอาลัยตายอยาก
โดย วัดหนองสังข์ทอง
ข้อมูลเมื่อ : 06-03-2567
เปิดดู : 30