เข้าสู่ระบบสมาชิก
สถิติสารสนเทศ
วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรมหาวิหาร
1 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นเอก วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรมหาวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นโท วรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี ราชวรวิหาร
0 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี วรวิหาร
2 วัด
พระอารามหลวง ชั้นตรี สามัญ
9 วัด
วัดราษฎร์
1455 วัด
สำนักสงฆ์
83 วัด
ที่พักสงฆ์
72 วัด
วัดร้าง
2 วัด
วัดทั้งหมด
1624 วัด
 
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
8348 รูป
สามเณร
302 รูป
แม่ชี
89 รูป
ศิษย์วัด
33 คน
บุคคลทั่วไปชาย
39 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
52 คน
ทั้งหมด
8863 รูป/คน
 
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
40 รูป
สามเณร
25 รูป
แม่ชี
1 รูป
ศิษย์วัด
3 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
69 รูป/คน
 
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
7196 รูป
ลาสิกขา
34 รูป
มรณภาพ
10 รูป
 

สาระธรรม

มีสติในยามวิกฤต

รายละเอียด

สิ่งที่อยากจะบอกกับพวกเราก็คือว่า การรักษากำลังใจของเราให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ก่อการร้ายยิงพระระดับเจ้าคณะอำเภอพร้อมกับพระลูกวัดเสียชีวิต ที่วัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเรารักษากำลังใจไว้ไม่ได้ ก็จะเสียใจ น้อยใจ โกรธแค้น แล้วก็ขาดสติ เราต้องแยกให้ออกว่านั่นเป็นการกระทำของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่หวังดีปรารถนาดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ถึงแม้ว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นจะเป็นอิสลามิกชนหรือมุสลิมก็ตาม คนมุสลิมที่ดีนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปาก จึงปล่อยให้คนชั่วมีอำนาจ ใช้การกระทำสร้างความหวาดกลัว กดข่มให้ทั้งคนไทยและมุสลิมกลัวเกรง จะได้ชักนำให้ประเทศชาติของเราไปตามแนวทางที่เขาต้องการ

แต่ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ก็จะเห็นว่า การที่พระครูประโชติรัตนานุรักษ์มรณภาพลงนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและน่าเสียดาย แต่การมรณภาพของท่านก็ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมา ตื่นจากความฝัน ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าโลกสวย มาเห็นความจริงว่า การที่เราโดนยัดเยียดความสามัคคี ยัดเยียดการอยู่ร่วมแบบพหุวัฒนธรรมให้ โดยที่ทางราชการไม่ได้แยกแยะน้ำออกจากปลา ทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา

ในเมื่อตื่นขึ้นมา รู้จักแสดงพลัง รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนาเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี เพื่อความยืนยงสถาพรของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาคู่กับชาติไทยของเรามาแสนนาน เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าเราไม่ขาดสติ รู้จักแยกแยะผลดีผลเสียที่เกิดขึ้น เลือกทำในสิ่งที่เกิดผลดีต่อพระพุทธศาสนา ไม่เปิดโอกาสให้ความขาดสติมาครอบงำ จนกระทั่งเราต้องทำผิดทำพลาด ไปเข้าทางที่ผู้ก่อการร้ายเขาต้องการ

ก็แปลว่าหากมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก เราก็ต้องแสดงพลังและแสดงออกให้รู้ว่า เราก็โกรธเป็นแค้นเป็น แต่เราไม่ขาดสติ แสดงให้เขาเห็นว่า ชาวพุทธของเรามีความสามัคคีกลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คนไหนเจ็บทุกคนเจ็บด้วย คนไหนตายเหมือนคนที่เรารักที่สุดตายด้วย ถ้าเราสามารถทำได้อย่างนี้ ศาสนาของเราจะมั่นคง ไม่มีใครมาเบียดเบียนได้

ฉะนั้น...การที่ท่านทั้งหลายจะมีสติตั้งมั่น มีปัญญามองเห็นว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควรในวิกฤตต่าง ๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเริ่มจากอานาปานสติ คือลมหายใจเข้าออก โดยเฉพาะอย่างน้อยที่สุด ต้องเข้าให้ถึงปฐมฌานละเอียด จะได้มีกำลังในการระงับยับยั้ง ไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง นำทาง มีส่วนของสมาธิไปเสริมให้เกิดปัญญา แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งทางโลกทางธรรม ให้ออกมาได้ดีที่สุด เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นอย่างที่สุด ก็แปลว่าท่านทั้งหลายจะละทิ้งการปฏิบัติสมาธิภาวนาไม่ได้ และโดยเฉพาะต้องทำให้เกิดผลจริง ๆ

ในเมื่อเราเข้าถึงปฐมฌานละเอียด สติ สมาธิ จะเกิดความแคล่วคล่องว่องไว สามารถประคับประคองอารมณ์เอาไว้ไม่ให้สูญหายไม่ให้ตกหล่น เมื่อท่านทั้งหลายสามารถประคับประคองอารมณ์นี้เอาไว้ได้ ยิ่งนานเท่าไรความสงบเยือกเย็นในใจก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใดง่าย ๆ ก็แปลว่ากำลังใจของเราจะเข้มแข็งมั่นคง เมื่อกำลังใจเข้มแข็งมั่นคง ไม่ฟุ้งซ่านหวั่นไหว ปัญญาก็จะเกิด จะเห็นช่องทางว่า ในขณะนี้เราควรจะทำอย่างไรถึงจะดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นั้น ๆ

จึงเป็นหน้าที่ซึ่งท่านทั้งหลายต้องพยายามในการกำหนดภาวนา โดยใช้ลมหายใจเข้าออกควบคู่กับคำภาวนาที่เราถนัด โดยเฉพาะอย่าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย เมื่อเราเริ่มเคยชินกับคำภาวนาอย่างหนึ่ง พอไปเปลี่ยนสภาพจิตก็จะห่วงหน้าพะวงหลัง ของเก่าก็จะไม่ได้ ของใหม่ก็จะไม่ดี ท่านเคยถนัดเคยชำนาญอย่างไหน ใช้คำภาวนาอย่างไรที่ทำให้สภาพจิตของเรานิ่งได้สงบได้ ให้ใช้อย่างนั้น ให้ทำอย่างนั้น เพราะว่าจุดมุ่งหมายของเราก็คือ เมื่อจิตสงบ สมาธิบังเกิด ปัญญาก็จะมีตามไปเอง ถึงเวลาเราก็จะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ ถึงจะเกิดประโยชน์ที่สุด ถึงจะพอเหมาะพอดีพอควรที่สุด

โดยเฉพาะสภาพจิตไม่หวั่นไหวไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง ก็ทำให้เรามีความสงบ ความเยือกเย็น ความสุข เกิดแก่เราได้ ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากสมาธิ ตราบนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ยังทรงตัวอยู่กับเรา

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒

ผู้แต่ง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.

โดย : วัดท่าขนุน

ที่อยู่ : ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

จำนวนเข้าดู : 59

ปรับปรุงล่าสุด : 29 มกราคม พ.ศ. 2566 11:43:52

ข้อมูลเมื่อ : 29 มกราคม พ.ศ. 2566 11:43:52

 
 
 
 

สาระธรรม 10 อันดับ

"อยู่สบาย ตายก็เป็นสุข"

โดย วัดประตูสาร

ข้อมูลเมื่อ : 06-04-2567

เปิดดู : 34

ปล่อยวาง

โดย วัดสะแกราย

ข้อมูลเมื่อ : 09-03-2567

เปิดดู : 40

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

โดย วัดท่าทอง

ข้อมูลเมื่อ : 08-03-2567

เปิดดู : 47

ความสุขในโลก

โดย วัดสุวรรณตะไล

ข้อมูลเมื่อ : 07-03-2567

เปิดดู : 33

วันมาฆบูชา

โดย วัดอินทาราม

ข้อมูลเมื่อ : 24-02-2567

เปิดดู : 35