อมตะธรรม คือ พระนิพพาน -ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔

เข้าสู่ระบบสมาชิก

ลืมรหัสผ่าน

สถิติสารสนเทศ

วัด

พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรมหาวิหาร

1 วัด

พระอารามหลวง ชั้นเอก ราชวรวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นเอก วรมหาวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรมหาวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นโท ราชวรวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นโท วรมหาวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นโท วรวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นตรี ราชวรวิหาร

0 วัด

พระอารามหลวง ชั้นตรี วรวิหาร

2 วัด

พระอารามหลวง ชั้นตรี สามัญ

9 วัด

วัดราษฎร์

1455 วัด

สำนักสงฆ์

83 วัด

ที่พักสงฆ์

72 วัด

วัดร้าง

2 วัด

วัดทั้งหมด

1624 วัด

ศาสนบุคคลไทย

พระภิกษุ

8348 รูป

สามเณร

302 รูป

แม่ชี

89 รูป

ศิษย์วัด

33 คน

บุคคลทั่วไปชาย

39 คน

บุคคลทั่วไปหญิง

52 คน

ทั้งหมด

8863 รูป/คน

ศาสนบุคคลต่างชาติ

พระภิกษุ

40 รูป

สามเณร

25 รูป

แม่ชี

1 รูป

ศิษย์วัด

3 คน

บุคคลทั่วไปชาย

0 คน

บุคคลทั่วไปหญิง

0 คน

ทั้งหมด

69 รูป/คน

สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน

พระบวชใหม่

7196 รูป

ลาสิกขา

34 รูป

มรณภาพ

10 รูป

สาระธรรม

อมตะธรรม คือ พระนิพพาน

รายละเอียด

หัวใจของพระพุทธศาสนา •
เป็นหลักที่มีจุดมุ่งไปเฉพาะไปยังความดับทุกข์ ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปเพื่อดับทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านทรงปฏิเสธไม่ยอมเกี่ยวข้องด้วย ในพระสูตรหนึ่ง เล่าเรื่องนี้ไว้ชัดว่า เมื่อพระพุทธเจ้า ประทับอยู่ในป่า พร้อมกับ พระภิกษุสาวก พระพุทธเจ้าท่านกำใบไม้ ที่เรี่ยราดอยู่ขึ้นมากำมือหนึ่ง
แล้วทรงตรัสถาม พระภิกษุทั้งหลายในที่นั้นว่า
(ใบไม้ที่กำขึ้นมาอยู่ในกำมือของเรานี้ กับ ใบไม้หมดทั้งป่า อย่างใหนจะมีมากกว่ากัน กี่มากน้อย )
ภิกษุทั้งหลาย ก็มองเห็นได้ว่า ใบ้ไม้ทั้งป่า มันมากกว่า ใบไม้ในกำมือของพระพุทธองค์ มันมากกว่ากันมาก จนเปรียบกันไม่ไหว
(ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลว่า พระพุทธองค์ว่า
ใบไม้ทั้งป่า มีมากกว่าใบไม้ในกำมือของพระพุทธองค์ อย่างเทียบกันไม่ได้เลยพระพุทธเจ้าข้า )
พระพุทธองค์ทรงตรัสอธิบายว่า
ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ และ รู้นั้น ที่พระพุทธองค์ทรงหยั่งทราบด้วยพระปัญญาอันยิ่ง มันมากเท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่เรื่องจำเป็นที่ควรรู้ ควรนำมาสอน และ นำมาปฎิบัตินั้น เท่ากับใบไม้ กำมือเดียว
แล้วพระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุผลว่า เพราะเหตุใดจึงไม่ทรงแสดงธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับใบไม้ทั้งป่า
ก็เพราะธรรมเหล่านั้น ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ความดับทุกข์ ความสงบ ระงับ ความรู้ยิ่ง การตรัสรู้ และ การทำให้แจ้งซึ่ง พระนิพพาน
สิ่งที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนานั้น ข้าพเจ้าอยากจะแนะถึงประโยคสั้นๆ ที่มีกล่าวอยู่ว่า สิ่งทั้งปวง ธรรมทั้งปวง ใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวเรา หรือ ของเรา
ครั้งหนึ่ง ภิกษุทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
พุทธวจนะทั้งหมด 84000 (สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน)
ถ้าจะสรุปให้สั้น เพียงประโยคเดียวได้หรือไม่
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าได้
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
แปลความว่า สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง
ใครๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าคือตัวเรา หรือ ของเรา
และ พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปอีกว่า
ถ้าใครได้ฟังธรรมข้อนี้ ก็คือ ได้ฟังธรรมทั้งหมด
ในพระพุทธศาสนา ถ้าได้ปฎิบัติข้อนี้ ก็คือได้ปฎิบัติทั้งหมดในพระพุทธศาสนา ถ้าได้รับผลจากการปฎิบัติธรรมข้อนี้ ก็คือ ได้รับผลทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
สิ่งใดมีความยึดมั่น หรือ ถูกยึดมั่นก็ตาม ว่านี่ตัวเรา นี่ของๆเรา สิ่งนั้นคือตัวทุกข์
ในสิ่งใด ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ว่าตัวเรา ของๆเราแล้ว สิ่งนั้นไม่มีทุกข์
พระพุทธเจ้าทรงประสูติ และ เจริญวัย บนโลกใบนี้ รวมทั้งยังทรงตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บนโลกนี้เช่นกัน พระองค์ทรงเป็นเสมือนดวงประทีปส่องผ่านความมืดมิด พระพุทธเจ้าทรงเป็นดั่งผู้ชี้ทางสว่างของเหล่า สรรพสัตว์ผู้เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในวัฎสงสารอย่างยาวนานให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ที่แท้จริงคืออมตะธรรม คือ พระนิพพาน